วันที่ 4 ก.ค.2567 เวลา 10.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องมติครม.ถึงมาตรการช่วยอสังหาริมทรัพย์ระบายสต็อกและการให้ต่างชาติถือครองคอนโด และที่ดิน ของนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรคก้าวไกลถามนายกฯว่า การเปิดโอกาสให้ต่างชาติถือกรรมสิทธิ์คอนโดจาก 49 เป็น 75 เปอร์เซน และขายการถือครองที่ดินจาก 30 ปี เป็น 99 ปี ซึ่งเป็นประเด็นร้อนของสังคมกังวลมากเกี่ยวข้องกับอนาคตของประเทศไทย และคนไทยมากๆ ในฐานะที่นายกฯเป็นผู้นำรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ และเป็นอดีตซีอีโอด้านอสังหาฯ แต่ไม่มาตอบกระทู้ เพราะฉะนั้นจึงอยากถาม มติครม.เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2567 เห็นชอบตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับมหภาค ตลอดจนดึงดูดนักธุรกิจขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และมีปัจจัยอื่นที่จะส่งเสริมการเข้ามาทำงานให้มีศักยภาพ

โดยให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนการถือครองที่ดิน ให้แก้ไขกฎหมายอาคารชุดให้ต่างด้าวถือครองอสังหาริมทรัพย์ โดยขยายเวลาการถือครองสิทธิ หรือ เช่า แบบทรัพย์อิงสิทธิเป็นเวลา 99 ปี ซึ่งไม่ใช่สั่งการให้ศึกษา แสดงว่าเป็นการตั้งธงไว้อยู่แล้ว และต้องการช่วยบางอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ขายได้หรือไม่ และกรณีดังกล่าวนายเศรษฐา ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมครม. เพื่อเลี่ยงข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

นายศุภณัฐ กล่าวว่า การเปิดให้ต่างชาติถือครองทรัพย์สิน ในรูปแบบทรัพย์อิงสิทธิ เท่ากับผู้เช่าเป็นเจ้าของที่ดินและสามารถนำไปลงทุนใดๆ ก็ได้รวมถึงโอนถ่ายเป็นมรดกได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อกรณีที่คนไทยที่ต้องการมีบ้านหรือถือครองสิทธิที่ดิน อย่างไรก็ดีเรื่องที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการนั้น นายกฯ พร้อมจะอนุมัติเพราะก่อนหน้านี้เคยโพสต์ให้ความเห็นทางสนับสนุนอีกทั้งก่อนหน้านี้มีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เข้าพบ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อระบายอสังหาริมทรัพย์ที่เฟ้ออยู่ในปัจจุบัน

ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงว่า เป็นการสั่งการให้ศึกษาผลได้ ผลเสีย ผลกระทบ ยังไม่ได้ให้ทำทันที ซึ่งประเด็นทรัพย์อิงสิทธินั้น คือการเช่า ส่วนที่ให้เช่า 99 ปีนั้นไม่ใช่การเช่าเกาะฮ่องกง ตนมองว่ากฎหมายเหล่านี้ตายตัวไม่ได้ ต้องปรับปรุงและแก้ไขได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่บางครั้งต้องการเงินจากต่างชาติ ให้ต่างชาติมาลงทุน ยืนยันว่าการปรับปรุงกฎหมายต้องศึกษาผลดี ผลเสียให้รอบด้าน ซึ่งตนหารือกับกรมที่ดินว่าต้องทำให้ชัดเจนในเหตุผล ข้อดีอย่างไรถึงให้เพิ่มเป็น 75% ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และศึกษาการครอบครองประเภทไหน แบบไหนมากกว่า ทั้งนี้นายกฯ สั่งให้เร่งดำเนินการ

“ผมเข้าใจเรื่องความเป็นห่วงที่ต่างชาติจะครอบครองสิทธิ 75% แต่ที่ผ่านมาเคยมีมาแล้ว แต่ครอบครองได้ 5 ปี แต่ขณะนี้ยกเลิกแล้ว เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ผมก็ไม่อยู่ เพราะลาไปฮัจญ์ ส่วนมติครม. ที่เกิดขึ้น จะอยู่หรือไม่อยู่ หากมีปัญหาโดนเหมือนกัน เป็นมติครม.จะลาหรือไม่ ก็โอเคแล้ว แต่ที่นายกฯ มอบหมายให้นายภูมิธรมดำเนินการนั้นผมไม่ทราบ ทั้งนี้คงไม่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะออกหรือเสนอโดยใคร ย่อมหนีไม่พ้น แต่วันนั้นนายกฯคงติดภารกิจ และวันนั้นผมก็ไม่อยู่” นายชาดา กล่าว

นายชาดา กล่าวว่า นายกฯ สั่งให้แก้ไข แต่ต้องศึกษาผลดีผลเสีย อีกทั้งต้องส่งให้สภาฯพิจารณาลงมติ การศึกษาไม่ใช่ยกที่ดินให้ใคร หากเป็นเช่นนั้นตนก็ไม่ยอม และไม่มีใครสั่งตนได้ มีการเสนอแก้ไขกฎหมายที่ดิน ส่วนของนิติบุคคล ตามที่พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยเสนอ ซึ่งตนให้ศึกษาทั้งหมด ผลการศึกษาต้องดูว่าสมควรทำหรือไม่ หากเป็นผลเสียจำนวนมาก นายกฯ คงไม่ฝืน แต่ตอนนี้เป็นคำสั่งให้แก้กฎหมาย เพื่อศึกษาวิเคราะห์ เรื่องนี้ต้องชี้แจงประชาชน นายกฯ มาบริหารบ้านเมือง แผ่นดินเป็นของคนไทยจะทำอะไรต้องถามประชาชน แต่คนที่เป็นบริหารต้องมีไอเดีย แนวคิดเพื่อให้เศรษฐกิจนำพาประเทศไปในทางที่ถูกที่ควร ดังนั้นไม่ต้องห่วง และต้องแยก มีวิธีคิดระหว่างเศรษฐกิจ ความมั่นคงชาติ และผลประโยชน์ของแผ่นดิน