ผู้ว่าฯ นราธิวาส ต้อนรับผู้แสวงบุญ ที่เดินทางกลับจากการประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครเมกกะ ประเทศ
ซาอุดิอารเบีย เที่ยวบินที่ 3 พร้อมแสดงความชื่นชมยินดี ที่ทุกคนได้ฮัจย์ที่สมบูรณ์

   

     เวลา 13.30 น. วันนี้ (3 ก.ค. 67)  ที่ท่าอากาศยานนราธิวาส อำเภอเมืองนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ  รองประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น  ร่วมให้การต้อนรับคณะผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับจากการประกอบพิธีฮัจย์ ณ  นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยวันนี้ได้เดินทางกลับเป็นวันที่ 3  เที่ยวบินที่  TG 8819 จำนวน  289 คน เป็นเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เดินทางจากท่าอากาศยานเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย บินตรง สู่ท่าอากาศยานนราธิวาส   ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น โดยมีญาติ ๆ มารอรับจำนวนมาก    


   
          ในการนี้ ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  ได้กล่าวว่าให้กำลังใจและแสดงความชื่นชมยินดี  ที่ทุกคนสามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์สมความตั้งใจ และได้ฮัจย์ที่สมบูรณ์  ซึ่งการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ถือเป็นหนึ่งในหลักปฏิบัติสำคัญ ของอิสลาม ได้แก่
การปฏิญาณตน คือ การแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าองค์เดียว, การละหมาด คือการแสดงความเคารพ, การถือศีลอด คือ การเรียนรู้ความอดกลั้นต่อความลำบากในเดือนรอมฎอน, การบริจาคซะกาต คือ การเสียสละทรัพย์สิน ร้อยละ 2.5 ให้กับผู้ที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและ การประกอบพิธีฮัจห์ คือ การเดินทางไปจาริกแสวงบุญที่นครเมกกะห์ ที่จะต้องมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ซึ่งทุกท่านที่ผ่านการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจน์และกลับมาอย่างปลอดภัย จึงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจสูงสุด ดังที่บัญญัติในอันกุรอ่าน ว่า ไม่มีผลตอบแทนใด ๆ สำหรับฮัจย์ที่สมบูรณ์ เว้นแต่สรวงสวรรค์เท่านั้น   จึงขอให้ทุกท่านได้กลับมาเป็นแบบอย่างและนำสังคมสู่สรวงสวรรค์ นั่นก็คือความสันติสุขต่อไป


        ซึ่งสำหรับการเดินทางไปทำพิธีฮัจย์ปี 2567 มีผู้ลงทะเบียนเดินทาง จำนวนทั้งสิ้น 7,738 คน 
โดยเดินทางผ่านท่าอากาศยานนราธิวาส จำนวนทั้งสิ้น 1,444 คน จำนวน 5 เที่ยวบิน ในระหว่างวันที่ 13 -15 พฤษภาคม 2567  ซึ่งบรรยากาศด้านนอกของท่าอากาศยานนราธิวาส  มีผู้ประกอบการร้านค้ามาจำหน่ายสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงอาหาร และน้ำดื่ม จัดจำหน่ายแก่ผู้ที่เดินทางมารับคณะผู้แสวงบุญฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการกระจายรายได้สู่ครัวเรือน ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี