วันที่ 3 ก.ค.67 น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธาน เปิดประชุมเสวนาขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย “เชื่อมโยงเสน่ห์ท่องเที่ยวไทย มัดใจคนทั้งโลก” (Uniting heart of global , connecting Thailand tourism for all) ณ ห้องประชุม เดอะ เฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น โดยมี นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายก สสทน.ภาคเหนือ นำสมาชิกฯ เข้าร่วมในการแลกปลี่ยนเรื่องการท่องเที่ยว ในแต่ละจังหวัด โดยการจัดดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของ การสถาปนาครบรอบ 22 ปีในการจัดตั้ง สสทน.

ทั้งนี้ยังได้ จัดกิจกรรม Business to Customer โดยผู้ประกอบการด้านสินค้า เสื้อผ้า อาหาร ของที่ระลึก จะนำสินค้าดังกล่าวมาจำหน่ายภายในงาน ซึ่งพบว่ามีสินค้าที่น่าสนใจจากหลากหลายจังหวัดไปจัดแสดง โดยเฉพาะประเภทเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ลายปัก ผลไม้ เครื่องดื่มชาและกาแฟ ฯลฯ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในส่วนของการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวเมืองรอง หรือว่าตอนนี้เปลี่ยนเป็นเมืองน่าเที่ยว ก็ถือว่าเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลได้ทำการพัฒนาให้เรื่องของเมืองรอง เป็นเมืองน่าเที่ยว ซึ่งได้มีการเปิดตัวครั้งแรกโดยท่านนายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเชียงใหม่ถือว่าเป็นพื้นที่หลักและมีการกระจายในเรื่องของการที่จะนำส่งสินค้าบริการ ที่มีคุณภาพ ดังนั้นสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ จะตอบโจทย์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในสมัยนี้ ก็คือในเรื่องของการท่องเที่ยวชุมชน เรื่องของการท่องเที่ยวดูย่านการค้า

“เราได้มีการมุ่งเน้นและเน้นย้ำอย่างต่อเนื่อง ก็คิดว่าในส่วนของเมืองน่าเที่ยว 55 เมืองน่าเที่ยว จะได้มีการเปิดตัวไปตามแต่ละภูมิภาคโดยท่านนายกรัฐมนตรีเอง ท่านจะบอกว่า ท่านจะลงในทุกพื้นที่ในตอนนี้ เมื่อเราคลิกออฟที่เชียงใหม่แล้ว เราก็มาที่เชียงราย ซึ่งเชียงราย ถือว่ามีชุมชนต้นแบบในเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐานแล้วก็ได้รับรางวัลในระดับของทั้งประเทศและของทั้งของโลก เราก็ใช้ตัวจุดแข็งหลักของเชียงรายช่วยตอบไปยังเมืองน่าเที่ยวอื่นๆ เพื่อที่จะให้เป็นจุดขายของประเทศต่อไป”

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเพิ่มเติม ว่า สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรที่เข้มแข็งมากตอนนี้ ททท.  เราใช้นโยบายที่เรียกว่า พาร์ทเนอร์ ชิป 360 องศา เมื่อพันธมิตรมีความเข้มแข็งเราจะใช้พันธมิตรในการต่อยอดเชื่อมต่อไปยังกระจายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มพันธมิตรอื่นๆ เมื่อมีงานฉลองครบรอบ 22 ปี ของสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ ก็ได้มีการนำพันธมิตรจาก จีเอ็มเอส คันทรี่ จากจีน ไต้หวัน เนปาน มาร่วม ซึ่งจุดนี้จะเป็นการส่งมอบประสบการณ์ ผ่านสินค้าบริการแล้วก็ผ่านการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยช่วงค่ำที่ผ่านมาที่เอกโอชา สตาร์ฮอล์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในงานสถาปนาเนื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี การจัดตั้งสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ (สสทน.) ซึ่ง นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ ได้รับตำแหน่งนายก สสทน.ภาคเหนือ คนใหม่ และมีสมาชิกเป็นภาคธุรกิจท่องเที่ยวใน 17 จังหวัดภาคเหนือทั้งหมด โดยมี นางอุบลรัตน์  พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมงานและต้อนรับในฐานะเจ้าบ้าน ภายในงานจึงมีภาคธุรกิจทั้งในภาคเหนือ และภาคอื่นๆ รวมถึงจาก เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ประเทศเนปาล ไต้หวัน ฯลฯ เข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง โดยภายในงานยังมีการแสดงแฟชั่นโชว์ชุด "ล้านสีสัน สู่สากล” จาก 17 จังหวัดภาคเหนือ และขบวนธงเปิดตัว นายก สสทน.คนที่ 10 และคณะกรรมการบริหารปีบริหาร 2567-2569

น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า เป็นโอกาสที่ดีที่มีภาคธุรกิจท่องเที่ยวทั่วประเทศมารวมกันจึงขอให้ทั้งหมดได้เป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว เพราะลำพัง ททท.ไม่สามารถทำเองได้และต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวทุกฝ่าย เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมและบริการการท่องเที่ยวเพื่อให้การท่องเที่ยวสามารถเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ ขณะที่ทาง ททท.ได้ประมาณการณ์ว่าเมื่อสิ้นปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศไทยจำนวนประมาณ 35 ล้านคน เนื่องจากเมื่อสำรวจจากข้อมูลที่เป็นจริงมากที่สุดคือช่วง 6 เดือนแรกถึงสิ้นวันที่ 30 มิ.ย.ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวแล้ว 17.5 ล้านคน กระนั้นการจะให้ภาคการท่องเที่ยวไปเพิ่มเติม GDP ให้กับรัฐบาลได้จะต้องได้ตัวเลขอยู่ที่ 36.7 ล้านคนต่อไป

ทางด้านนางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายก สสทน.ภาคเหนือ กล่าวว่า ปี พ.ศ. 2543 หรือ 24 ปีที่แล้ว มีพี่ชายที่เคารพ จาก 3 สาขาธุรกิจ ผู้คร่ำหวอดในวงการท่องเที่ยวของภาคเหนือ 3 ท่านได้รวมกลุ่มกัน เรียกชื่อว่า สหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ โดยมีสมาชิก เพียง 2 จังหวัด คือเชียงใหม่ และลําปาง  ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการผนึกกําลังและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในภาคเหนือ ซึ่งในเวลานั้น ถือเป็นยุคบุกเบิก ของการท่องเที่ยวสู่ภาคเหนือ ด้วยพัฒนาการของการคมนาคมขนส่งรูปแบบต่างๆ ทําให้หลายจังหวัดในภาคเหนือเริ่มเป็นหมุดหมาย และเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังขาดประสบการณ์ ในการจัดการ การต้อนรับดูแลนักท่องเที่ยว นําเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รวมถึงการทําการตลาดเพื่อตอบสนอง ความต้องการของนักท่องเที่ยว 

สหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ ซึ่งใน 2 ปีถัดมา ได้จดทะเบียนเป็นสมาคม ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ” ได้ใช้กิจกรรม “สหพันธ์สัญจร” เพื่อเป็นเครื่องมือในการทักษะให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยว หลายสาขาในสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร บริษัทนําเที่ยว มัคคุเทศก์ รวมทั้งแสวงหา สมาชิกเพิ่มจนได้ครบ 17 จังหวัด สมาชิกทุกคน ทุกฝ่ายได้เห็นประจักษ์ถึงการร่วมมือ อย่างจริงจังในกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภาคเหนือเติบโตอย่างมีทิศทางและเป้าหมายร่วมกัน ในวันนี้ 

สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ ได้ขับเคลื่อนรับใช้สมาชิกมาครบ 22 ปี โดยยังคงดําเนินวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับเมื่อแรกเริ่มก่อตั้ง มีความสามัคคีกลมเกลียว ของสมาชิกเป็นจุดแข็งของการทํางาน ดิฉันเองมีความภูมิใจอย่างมากที่ได้รับเลือก ให้ทําหน้าที่อันทรงเกียรติเพื่อเป็นตัวแทนของทุกท่านจาก 17 จังหวัด ในวาระนี้ ขอขอบพระคุณสมาชิกที่ทุกท่านให้ความไว้วางใจ และขอถือโอกาสนี้ ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน สถาปนาครบรอบ 22 ปี สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือภายใต้แนวคิด“ล้านนา ล้านสีสัน สู่สากล”