เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ก.ค. 2567  ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฎ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) มีกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่โปรแตส ที่อ.โนนไทย อ.โนนสูง และอ.เมือง กำลังทำสำรวจแร่อยู่และขอสัมปทานบัตรเหมืองแร่ ซึ่งเหตุผลที่ต้องมาวันนี้ เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายไว้ สำหรับการขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลที่ต้องการผลักดันเมืองแร่โปรแตส ซึ่งอ.ด่านขุนทดก็เป็นหนึ่งในการที่ขอให้มีเร่งรัดการทำ ทั้งนี้ตอนที่อนุมัติได้อ้างว่าเพื่อชดเชยการนำเข้า 8 แสนตัน แต่ปรากฏว่ากลับให้มีการอนุมัติให้มีการดำเนินการแล้วกว่า 3 ล้านตัน 

ดังนั้น จึงต้องการที่จะยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา และหากวันนี้ไม่ออกมารับหนังสือทางกลุ่มจะเผาหนังสือที่จะยื่นบริเวณหน้าประตูทางเข้าของบรรดารัฐมนตรีและนายเศรษฐา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับเส้นทางให้นายกฯและรัฐมนตรีคนอื่นเข้าประตูอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปราศรัยอย่างดุเดือด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดตำรวจควบคุมฝูงชนหนึ่งกองร้อยมาดูแลความเรียบร้อย จนทำให้เกิดวิวาทะระหว่างผู้ชุมนุมทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายตัว

จากนั้นเวลา​ 09.50 น.​ นางสาวพิมพ์ ​ภัทรา​วิชัย​กุล​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม​ ได้มารับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านเหมือนโปแตส​ที่มาปักหลักชุมเรียกร้องหน้าที่ประชุม​ครม.สัญจร​จังหวัดนครราชสีมา​ 

โดยแกนนำกล่าวว่า บรรยากาศ เหมือนรัฐมนตรีมาเยี่ยมนักโทษ เนื่องจากเป็นการเจรจาผ่านรั้วประตู ทำให้เจ้าหน้าที่เปิดรั้วให้รัฐมนตรี​ไปรับมอบหนังสือจากมือผู้ชุมนุม​ จากนั้นผู้ชุมนุมได้นำเกลือที่ขึ้นในนาข้าว​ จากผลกระทบการทำเหมืองโปแตส​มากองหน้ารัฐมนตรี​ พร้อมประกาศ​ 3 ข้อเรียกร้องว่า​ ขอให้มีคำสั่งให้ยกเลิกแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ฉบับที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแร่โปแตสทั้งหมด เนื่องจากแผนแม่บทดังกล่าวไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติแร่พ.ศ 2560 โดยไม่มีการสำรวจและกันพื้นที่โดยกำเนิดเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง และเปิดโอกาสให้มีการสำรวจแร่และทำเหมืองแร่โปรแตสในพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในเขตแหล่งแร่​ เพื่อการทำเหมือง 

ขอให้ประเมินสิ่งแวดล้อม สำหรับการพัฒนาเหมืองแร่โปรแตสใหม่​ เนื่องจากบริบทและความต้องการในการใช้แร่โปรแตส มีวัตถุประสงค์ที่เปลี่ยนไปและเห็นได้อย่างชัดเจน​ว่า​ ​เป้าหมายของการให้ทำเหมืองแร่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ที่มุ่งเน้นไปสู่การส่งออกมากกว่าการลดการนำเข้า รวมถึงการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ผ่านมาเป็นการเร่งรัดเพื่อให้มีการเปิดเหมืองโดยไม่คำนึงถึงดุลยภาพด้านวิถีชีวิตและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างเพียงพอ พร้อมขอให้เร่งดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการทำเหมืองแร่โปรแตสในพื้นที่อำเภอด่านขุนทดจังหวัดนครราชสีมา อย่างเร่ง หาเพิกเฉยเลยยื้อเวลาออกไปยิ่งทำให้เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรม ไม่มีศักยภาพในการกำกับดูแลและควบคุมให้เกิดการทำเหมืองที่มีประสิทธิภาพได้

ทั้งนี้​ หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าไม่ทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าไม่เห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เห็นคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง และต้องการเพียงตัวเลขจีดีพี​ และหากรัฐบาลยังปล่อยให้ทำเหมืองแร่แผ่นดินอีสานจนไม่สามารถฟื้นคืนได้

หลังรับหนังสือ​ กลุ่มผู้ชุมนุมกล่าวทิ้งท้าย​ด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาไหล​ ว่า​ "ปุ๋ยกระสอบแรกของท่านมากับคราบน้ำตา เอาตัวพวกเราไปก็ได้ ปุ๋ยกระสอบแรกของท่านอยู่ตรงนี้"