วันที่ 2 ก.ค.2567 เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปร่วมฝ่ายค้าน) เปิดเผยถึงความพร้อมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญว่า จะมีการพิจารณาเรื่องของร่างกฎหมาย ที่ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งรวมถึงร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับอุดมศึกษา 4 ฉบับ โดยจะมีการอภิปราย ในเรื่องของรายละเอียด เนื้อหา ของแต่ละร่าง แต่คงมีการรับหลักการ นอกจากนี้อาจมีการพิจารณา ร่างกฎหมายที่สมาชิกวุฒิสภา มีการปรับแก้ไข และส่งกลับมาให้สภาฯพิจารณา
ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่อาจมีการพิจารณาเพิ่มเติม อาจเป็นเรื่อง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ที่เห็นว่าควรต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งหากมีประเด็นข้อสงสัยก็จะเสนอแนะไปยังรัฐบาล เพื่อให้มีการปรับอย่างเหมาะสม และยืนยันไม่ใช่ลักษณะการอภิปรายเพื่อจ้องล้มรัฐบาล เพียงแต่เสนอแนะว่า มีประเด็นใดที่ควรปรับ ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่า ที่ผ่านมา ก็มีรายละเอียดของกฎหมายหลายเรื่อง ที่รัฐบาล มีการตั้งคณะทำงาน เพื่อปรับแก้ไข รายละเอียดของกฎหมายบางอย่างที่ฝ่ายค้าน เสนอแนะ ถือเป็นเรื่องดี และเป็นที่น่าพอใจ
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวเพิ่มเติมถึงหน้าตา สว.ทั้ง 200 คน ก็มั่นใจว่าหากมีการรับรอง พร้อมที่จะทำงานร่วมกันในการประชุมร่วมรัฐสภา แต่ทั้งนี้ ก็ต้องดูแนวคิดของว่าที่ สว. ชุดนี้ว่ามีแนวคิดอย่างไร
"เชื่อว่าไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกัน แม้ส่วนตัว จะไม่เห็นด้วยกับวิธีการในการเลือก สว. ครั้งนี้ แต่เมื่อได้สว.มาแล้วก็ต้องพร้อมที่จะทำงานด้วยกัน และอย่างน้อยก็ดีกว่า การได้ สว.จากคนคนเดียวเลือกมา" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามถึงการทำงานของฝ่ายค้านในการเปิดสมัยประชุมสภาครั้งนี้ ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเข้มข้นขึ้น เพราะปีที่ผ่านมา รัฐบาลอาจจะดำเนินการ ในส่วนของงบประมาณ และนโยบาย ล่าช้า เพราะอาจเป็นผลมาจากรัฐบาลชุดก่อน แต่ครั้งนี้ถือว่ารัฐบาล ทำหน้าที่บริหารงบประมาณอย่างเต็มตัว การทำหน้าที่จึงต้องมีการตรวจสอบการทำหน้าที่ให้หนักขึ้น รวมถึงการติดตาม การผลักดันนโยบายของรัฐบาล ว่าได้ทำตามที่ให้คำมั่นไว้กับประชาชนหรือไม่
เมื่อถามว่าการอภิปรายทั่วไปและการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวยืนยันว่า มีแน่นอน แต่ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาได้
เมื่อถามว่าการเลือกนายก อบจ.ปทุมธานีครั้งนี้ จะเป็นการวางแผนให้ก้าวไกล วางแผนการเลือกนายก อบจ. ที่อื่นหรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวยืนยันว่า จะมีการวางแผนและวางยุทธศาสตร์ ให้รัดกุม โดยจะไม่ทำเหมือนเมื่อก่อน ที่ส่งแบบดาวกระจาย แต่จะส่งในพื้นที่ ที่พรรคมีความมั่นใจ