“นายกฯ"น้อมรับผลสำหรับโพลระบุคะแนนนิยมทางการเมืองลดลง เป็นรอง"พิธา" ด้าน”อดีตสส.ปชป.” ชี้จากผลโพลที่ออกมา หากพรรคก้าวไกลยังรักษากระแสนิยมได้จนถึงเลือกตั้งหน้า เชื่อจะสามารถเปลี่ยนกระแสความนิยมเป็นแลนด์สไลด์ไม่ยากนัก
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลโพลคะแนนนิยมทางการเมืองที่ลดลง และเป็นรอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ผลโพลจะมีหรือไม่ เราก็มีการปรับยุทธศาสตร์ตลอดเวลา ทุกครั้งหลังกลับจากการลงพื้นที่จะมาพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น ทั้งนโยบายต่างๆ หรือการปรับโครงสร้าง และการดูแลประชาชน ซึ่งโพลถือเป็นฟีดแบ็กให้กับเรา รัฐบาลน้อมรับ ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังไม่ได้ทำอีกหลายนโยบาย เพราะงบประมาณเพิ่งใช้ได้ไม่ถึง 2 เดือน แต่ท้ายที่สุดแล้วคือผลงานมากกว่าที่ต้องยอมรับ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร ส่วนการไปสอบถามเสียงประชาชน มีความครอบคลุมทุกภาคส่วนหรือไม่นั้น ก็ขอให้สื่อมวลชนไปพิจารณาเองว่าเป็นการสำรวจครบทุกพื้นที่หรือไม่ หรือไปสำรวจแค่จังหวัดใหญ่
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท - คุยการเมือง ชี้ จากผลโพล นิด้าโพล คนยังหนุน "พิธา" เป็นนายกฯ และพรรคก้าวไกล โดย ชี้หากพรรคก้าวไกลยังรักษากระแสนิยมได้จนถึงเลือกตั้งหน้า เชื่อจะสามารถเปลี่ยนกระแสความนิยมเป็นแลนด์สไลด์ได้อย่างไม่ยากนัก
พรรคก้าวไกล 49.20% มีสิทธิ์แลนด์สไลด์? ผมขออนุญาตวิเคราะห์ผลสำรวจของนิด้าโพล ที่ได้สำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง ไตรมาสที่ 2/67 ซึ่งปรากฏว่า อันดับ 1 พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนนิยมสูงสุด 49.20% อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย 16.85% อันดับ 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ 7.55% อันดับ 4 พรรคประชาธิปัตย์ 3.75%
ส่วนบุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯ อันดับ 1 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 45.50% อันดับ 2 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ และอันดับ 3 นายเศรษฐา ทวีสิน 12.85% อันดับ 3 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 6.85% อันดับ 4 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 4.85%
เมื่อดูจากผลโพลแล้วพบว่า นายพิธามีคะแนนนำนายเศรษฐา ที่รวมกับคะแนนของ น.ส.แพทองธาร มากกว่าเท่าตัว ทั้งที่นายเศรษฐาเป็นนายกฯ มีโอกาสใช้ตำแหน่งสร้างคะแนนนิยมมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว แต่คะแนนยังห่างไกลกับนายพิธามาก แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการเป็นรัฐบาล ไม่สามารถกู้ศรัทธาคืนมาได้
สำหรับคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลยังเพิ่มขึ้นตามลำดับ จากปี 2566 อยู่ที่ 44.05% ปี 2567 ไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 48.45% และไตรมาสล่าสุดคือไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 49.2% ส่วนคะแนนนิยมของ พรรคเพื่อไทย มีคะแนนนิยมลดลงตามลำดับ โดยปี 2566 อยู่ที่ 24.05% ปี 2567 ไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 22.1% และไตรมาสล่าสุดคือไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 16.85% เมื่อพิจารณาจากผลโพลพบว่า พรรคก้าวไกล มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยลดลง หรือสาละวันเตี้ยลงตามลำดับ และคะแนนนิยมระหว่างนายพิธากับพรรคก้าวไกลนั้น ปรากฏว่าพรรคก้าวไกลมีคะแนนสูงกว่านายพิธา แสดงให้เห็นว่า ความนิยมของพรรคก้าวไกลไม่ได้ยึดอยู่กับตัวบุคคล แต่ยึดกับอุดมการณ์ของพรรค ถ้าหากพรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรค และไปก่อตั้งพรรคใหม่ภายใต้อุดมการณ์เดิม คะแนนนิยมก็จะไม่ลดลง ซึ่งในทางกลับกันพรรคเพื่อไทยที่คะแนนนิยมต้องใช้ของ นายเศรษฐา รวมกับของ น.ส.แพทองธาร และของ นายทักษิณ มารวมกัน 3 คน ก็ยังไม่ชนะคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกล
ถ้าดูผลโพลตอนนี้ พรรคก้าวไกล ได้รับความนิยม 49.20% ยังเหลืออีก 0.80% ที่ความนิยมจะเกินครึ่ง ถ้าหากพรรคก้าวไกลยังคงรักษากระแสนิยมได้อย่างนี้จนถึงวันเลือกตั้งครั้งหน้า ก็สามารถแปรเปลี่ยนกระแสความนิยมเป็นแลนด์สไลด์ได้อย่างไม่ยากนัก