สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลการเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ หรือสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศส รอบแรก ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ปรากฏว่า พรรคเนชันแนลแรลลี หรืออาร์เอ็น ของนางมารีน เลอ เปน และฌอร์ด็อง บาร์เดลญา ซึ่งมีแนวนโยบายแบบขวาจัด หรืออนุรักษ์นิยมสุดโต่ง เช่น การมีแนวคิดเรื่องชาตินิยมสูง การต่อต้านคนต่างชาติ และผู้อพยพเข้าเมืองต่างๆ รวมถึงการต่อต้านกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ มีคะแนนนำเหนือพรรคการเมืองอื่นๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า พรรคอาร์เอ็น ได้คะแนนไปแล้วคิดเป็นร้อยละ 34 ตามมาด้วยกลุ่มพันธมิตรการเมืองฝ่ายซ้าย นิว ป๊อปปูลาร์ฟรอนท์ ได้คะแนนที่ร้อยละ 28 และกลุ่มพันธมิตรการเมืองอองซอมเบลอ ที่มีแนวนโยบายแบบสายกลาง ได้คะแนนไปเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้สมัครับเลือกตั้งที่ได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 12.5 จะได้เข้าชิงชัยในการเลือกตั้งรอบที่สอง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ก.ค.ที่จะถึงนี้ต่อไป
รายงานข่าวเผยว่า ภายหลังจากผลการเลือกตั้งรอบแรกออกมา ปรากฏว่า สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้แก่ประชาชนชาวฝรั่งเศสที่ไม่ชื่นชอบพรรคอาร์เอ็น จนถึงขั้นรวมตัวชุมนุมประท้วงตามเมืองต่างๆ รวมถึงที่กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส โดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่พากันเดินขบวนไปตามท้องถนนสายต่างๆ พร้อมตะโกนด้วยถ้อยคำที่ต่อต้านพรรคอาร์เอ็น ซึ่งในบางจุดที่มีการชุมนุมประท้วง ได้ลุกลามบานปลายกลายเป็นความวุ่นวายเกิดขึ้น และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ต้องยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมดังกล่าว