หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ยืนหยัดฟันฝ่า ทุกอุปสรรค ทุ่มเท ทำงานรับใช้สังคม นำเสนอความจริง ผลงานก้าวสู่ปีที่ 74 เป็นเครื่องพิสูจน์…*…

ความพ่ายแพ้จากสังเวียน “ศึกสภาสูง” ถึงขั้นทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของ “สำนักจันทร์ส่องหล้า” ถึงขั้น “เก็บอาการไม่อยู่” ความแค้นแน่นอก แทบกระอักเลือด  เพราะแพ้ใครไม่แพ้ แต่กลับมาพ่าย “ศัตรูเก่า” มิหนำซ้ำยังเคยเป็น “ลูกน้องเก่า” อย่าง “เจ้าสำนักบุรีรัมย์” ทำให้ “ 200 สว.” รอบนี้แปรเปลี่ยนเป็น “สว.สีน้ำเงิน” กว่าครึ่ง กว่าค่อน เรียกว่า “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” คว่ำทั้ง “เพื่อไทย” ทั้ง “ก้าวไกล” กลายเป็น “น้ำเงิน” กินทั้ง “ส้ม” ทั้ง “แดง” กินเรียบเกือบทั้งกระดาน …*…

 แค้นแค่ไหน ประเมินได้จาก วันที่ “ทักษิณ” ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ไปให้กำลังใจ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ถึงปรากฎการณ์ “สุดช็อค” เพราะ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ และ “น้องเขย” ร่วง ไปไม่ถึง “สภาสูง” ว่าเป็นเพราะเป็นเพราะ “การปฏิวัติ” ทุกครั้ง เกิดจากความไม่ไว้ใจประชาชน ทั้งที่ประชาชนเลือกรัฐบาลมา “ ไม่ไว้ใจก็มีการปฏิวัติ พอมีปฏิวัติก็ออกกติกาที่ส่วนกลางพยายามจะควบคุม ให้ประชาชนทำโน่นทำนี่ตามต้องการ” …*…

แม้จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แค้นจนแทบกระอัก เพราะบัดนี้ “สภาสูง” กลายเป็น “สว.สีน้ำเงิน” เกือบหมดแล้ว แต่อย่าลืมว่า การที่ “ทักษิณ” ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน ในรอบ 17ปีเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ปีที่แล้ว ก็มาจาก “ดีลลับ” ที่ทำกันเอาไว้ระหว่าง “ขั้วอำนาจ” ของตัวเอง กับ “ขั้วอำนาจเก่า” อันมีส่วนสำคัญในการทำ “รัฐประหาร” นั่นเอง …*…

ภาวะที่กำลังบีบคั้นและกดดัน “ทักษิณ” มากที่สุด หลังเผชิญหน้า “ความพ่ายแพ้” จาก “ศึกสภาสูง” คือการชี้ให้เห็นว่า จากนี้ไป “พรรคภูมิใจไทย” คือ “ผู้เล่นใหม่” ที่ “ถูกเลือก”  ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งแม้จะอยู่ใน “ดีลลับ” แต่จนแล้วจนรอด ยังไม่สามารถเอาชนะ “พรรคก้าวไกล” ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เท่ากับว่า วันนี้ “สีแดง”  กำลังถูก “กิน” จากทั้ง “ส้ม” และ “สีน้ำเงิน” สุดแต่ว่า “สีแดง” จะต้านทาน เอาตัวรอด ยืนระยะอยู่บนกระดานการเมืองได้นานแค่ไหน …*…

 ขณะที่ “การเมือง” กำลังคุกรุ่น วุ่นวาย เปิดหน้าห้ำหั่นกันสุดฤทธิ์ “พันแสง” ขอฝาก “รัฐบาล” ตลอดจน “รัฐมนตรี” ทุกๆกระทรวง อันจะมีส่วนเกี่ยวข้อง “คุณภาพชีวิต” ของพี่น้องประชาชน ปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมนี้ ที่ยังยากไร้ ลำบาก คือ “เรื่องใหญ่” ความยากจน ความขัดสน เด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ท้องถิ่นทุรกันดาร ลำบากยากจน จนส่งผลกระทบให้เด็กหลุดออกจาก “ระบบการศึกษา” บรรดา “ครูบาอาจารย์” ที่ไปเยี่ยมบ้าน ดูชีวิตความเป็นอยู่แล้ว สุดรันทด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแทบทุกวัน “ความช่วยเหลือ” อย่างเร่งด่วน ไปถึงเด็กนักเรียน กลุ่มเปราะบาง กลุ่มนี้แล้วหรือไม่ ทันต่อสถานการณ์หรือไม่ !? …*…

ที่มา:พันแสง (1/7/67)