วันที่ 1 ก.ค.67 เวลา 10.00น.กลุ่มผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว (อดีต ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และดร.จักรพงษ์ คงปัญญา พร้อมด้วยตัวแทนผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภากลุ่มอื่นๆ กว่า 30 คน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมยื่นหลักฐานสำคัญเพิ่มเติม ถึงประธาน กกต.กรณีการลงคะแนนเลือกตั้ง สว.ที่ผ่านมาไม่โปร่งใส ซื่อสัตย์ และเป็นธรรม และขอคัดค้านการประกาศรายชื่อ สว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ
ซึ่งนายพานิชย์ เจริญเผ่า ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับอำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่มที่ 17 กลุ่มประชาสังคม กลุ่มองค์กรสาธารณประโยชน์ ที่ผ่านเข้ารอบการคัดเลือกระดับจังหวัด แต่สละสิทธิ์ไม่ไปรับเลือก มายื่นหนังสือร้องกกต. เรื่อง ขอให้การเลือกสว.จำนวน 200 คน ในครั้งนี้เป็นโมฆะ และ ขอให้ไม่รับรอง นายชินโชติ แสงสังข์ หรือ ชื่อเดิมนายประเทือง แสงสังข์ ผู้ได้รับเลือกเป็นสว.ในกลุ่มที่ 7 และขอให้ดำเนินคดีกับนายชินโชติ ในการนำเอกสาร และใช้เอกสารอันเป็นเท็จมาลงสมัครรับเลือกสว.ในครั้งนี้
โดยภายหลังยื่นหนังสือ นายพานิชย์ กล่าวว่า วันนี้ตนมายื่นเรื่องขอให้ถอดถอนบุคคล ที่ได้รับการเลือกเป็นสว. กลุ่มที่ 7 กลุ่มแรงงาน เนื่องจากยื่นเอกสารอันเป็นเท็จต่อ กกต. ในการสมัครรับเลือกสว.ครั้งนี้ ซึ่งตนยื่นเอกสารให้ กกต. ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารของราชการทั้งสิ้น และอ้างอิงในศาล มีการฟ้องร้องในคดี โดยที่นายชินโชติ ขอร้องให้ไปถอนเรื่องการศึกษาที่ได้แจ้งเท็จไว้ในการเทียบโอน ตั้งแต่มัธยมต้นถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ว่าเป็นเท็จ
พร้อมกันนี้นายพานิชย์ กล่าวต่อว่า ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ มีมติให้ถอดถอนทะเบียนโดยการเทียบโอนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากมีการย้ายผู้บริหารคนใหม่มาแทน ตนขอย้ำว่า เอกสารดังกล่าวขอให้ไปถอน รวมทั้งจะถอนฟ้อง เพราะเป็นคดีที่ศาล จ.สมุทรปราการ แต่จำเลยที่สาม ก็ไม่ได้ถอนฟ้อง หรือดำเนินการถอนเรื่องที่ กกต. ใดๆ ทั้งสิ้น
นายพานิชย์ กล่าวอีกว่า ตนเห็นว่า เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่มีการจัดตั้งกันอย่างเป็นขบวนการ ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ตามกฎหมาย และเจตนารมณ์ที่ตนต้องการ ดังนั้น ตนจึงปฏิเสธไปรับสมัครเลือก สว. ระดับ จ.พระนครศรีอยุธยา และเป็นบุคคลเดียว และบุคคลที่ตนมาร้องนั้น ก็ลงสมัครใน จ.พระนครศรีอยุธยา และมาขอคะแนนจากตน ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีหลักฐานและยังไม่ได้ดำเนินการทั้งสิ้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นลูกน้องคนเก่าตนในด้านแรงงาน และปัจจุบัน นายชินโชติ ก็เป็นนักศึกษาชุดปัจจุบันของ กกต.
อีกทั้ง นายพานิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กกต. สามารถตรวจสอบประวัติได้ไม่ยากนัก และใช้อำนาจหน้าที่เรียกมาสอบสวน และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป หาก กกต. ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ตนต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ กกต. ทั้ง 7 คน ดังกล่าว ต่อไป
เมื่อถามต่อว่า บุคคลที่มาร้อง เกี่ยวข้องกับการฮั้วสมัครรับเลือกสว. หรือไม่ นายพานิชย์ กล่าวว่า นายชินโชติ เคยสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสส. จ.สมุทรปราการ ในพรรคที่ปัจจุบันมีอิทธิพล ฉะนั้น ยอมผูกพันกันกับในพรรคการเมืองดังกล่าว หากไม่จัดตั้งมา คงไม่ได้ 77 คะแนน ในระดับประเทศนั้น คงไม่น่าจะเป็นได้ เนื่องจากไม่ได้มีบทบาท หรือโด่งดังอะไร ตนจึงมองว่า บุคคลคนนี้ ไม่สมควรได้เข้าไปเป็นสว. ในการเลือกครั้งนี้
เมื่อถามย้ำว่า มองว่าขั้นตอนต่อไปนี้ กกต. จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปกับนายชินโชติ นายพานิชย์กล่าวว่า ต้องระงับการรับรองบุคคลดังกล่าว หากรับรองและมีเอกสารชัดเจน และทางกกต.ไม่เรียกตนมาชี้แจงสอบสวน ถือว่า กกต. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ดังนั้น จึงต้องไปพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปของของ กกต.


