สลด หนูน้อยวัยหนึ่งขวบเด็กหญิงชาวเมียนมา ถูกรถพ่อตัวเองทับดับที่บ้านพัก ตำรวจเรียกพ่อสอบถาม ได้คำตอบว่าช่วงก่อนเกิดเหตุเจ้าตัวเตรียมขับรถออกจากบ้านเห็นแต่ลูกชายวัยสามขวบเดินอยู่ และคิดว่าลูกสาววัยหนึ่งขวบอยู่กับภรรยาที่หลังบ้าน ช่วงเคลื่อนรถออกได้มีชาวบ้านตะโกนว่ารถทับเด็กเมื่อวิ่งออกมาดูพบว่าเป็นลูกสาวนอนแน่นิ่งไปแล้ว จากนั้นเมื่อตั้งสติได้จึงรีบอุ้มมาส่งที่โรงพยาบาลสามพราน จังหวัดนครปฐม สุดท้ายแพทย์บอกว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นตำรวจเตรียมสอบปากคำพ่ออย่างละเอียด พร้อมกับผู้เห็นเหตุการณ์ ก่อนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 30 มิ.ย.2567 ร.ต.อ.สถาพร  ก้อนสันทะ  รอง สว.สอบสวน สภ.สามพราน จ.นครปฐม ได้รับแจ้งจาก รพ.สามพรานให้ร่วมชันสูตร ศพเด็กอายุ 1 ขวบ เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุถูกรถทับ จึงไปตรวจสอบ พร้อมด้วยชุดสืบสวน มูลนิธิกู้ภัยพรานพิทักษ์สามพราน จังหวัดนครปฐม ที่ รพ.สามพราน

โดยทางเจ้าหน้าที่ของทาง รพ.สามพราน แจ้งว่ามีพ่อแม่เด็กนำเด็กมาส่งที่รพ.แจ้งว่าถูกรถทับ แต่พบว่าเด็กนั้นเสียชีวิตแล้ว ศพอยู่ห้องฉุกเฉินเป็นศพ เด็กชาวเมียนมา ชื่อเด็กหญิงเชอรี่ อายุ 1 ขวบ สภาพศพมีรอยซ้ำที่ใบหน้า และลำตัว  ซึ่งพ่อ แม่ของเด็กและญาติๆนั่งร้องไห้เสียใจอยู่หน้าโรงพยาบาล 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับ นาย AUNG อายุ 38 ปี และนาง NYEIN สองสามีภรรยายชาวเมียนมาโดยนาย AUNG พ่อของเด็กหญิง เล่าว่า ตนพักอยู่ที่บ้าน แถวหมู่ 14 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน ตอนเกิดเหตุ ภรรยาตนนั่งซักผ้าอยู่หลังบ้าน   โดยตนกำลังจะขับรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 3 กส xxxx กทม.ออกไปข้างนอก ก็เห็นแต่ลูกชาย วัย 3 ขวบอยู่หน้าบ้านแต่ไม่เห็นลูกสาวอยู่ด้วย นึกว่าลูกสาวอยู่กับภรรยาที่ซักผ้าอยู่หลังบ้าน จึงขับรถออกจากบ้าน ช่วงจังหวะเคลื่อนรถออกตัวได้มีชาวบ้านที่อยู่ที่เกิดเหตุตะโกนว่ารถทับลูกสาว จึงรีบหยุดรถเมื่อลงมาก็เห็นลูกสาวนอนแน่นิ่งอยู่ท้ายรถ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบอุ้มร่างลูกสาวมาส่ง รพ.สามพราน เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือแต่สุดท้ายก็มาเสียชีวิต 

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรถคันที่เกิดเหตุและไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเตรียมสอบปากคำ พ่อแม่เด็กและผู้เห็นเหตุการณ์ถึงสาเหตุการเกิดเหตุครั้งนี้ว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือเกิดจากความประมาท  ซึ่งได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสามพราน ส่งชันสูตรต่ออย่างระเอียดที่ รพ.นครปฐม เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงและดำเนินการตามกระบวนการทางกฏหมายต่อไป