วันที่ 28 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ติดตามความคืบหน้า คดีไฟไหม้โกดังเก็บกากอุตสาหกรรมและสารเคมี  ม.4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยองณ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และได้เชิญคณะพนักงานสืบสวนสอบ  และผู้เกี่ยวข้อง (จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 100 คน เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคคลากร และสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

พล.ต.ท.ธัชชัย เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 12  พ.ค.67 ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานเก็บสารเคมีของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่มีการเก็บวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งวันนี้ได้มีการเรียกคณะพนักงานสอบสวนและผู้ที่เกี่ยวข้องเกือบ 100 นาย เข้าร่วมประชุมติดตามคืบหน้าคดีดังกล่าว และจากการสอบสวนขยายผลกรณีดังกล่าวพบว่ามีการกระทำผิดเช่นนี้ในหลายพื้นที่ด้วยกัน โดยมีการนำวัตถุอันตรายไปเก็บไว้ในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งหมด 4 จังหวัด 5 แห่งได้แก่ ในพื้นที่โรงงานอ.ศรีเทพ เพชรบูรณ์ , อ.กลางดง จ.นครราชสีมา ,อ.อุทัย และ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา, อ.บ้านค่าย และ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง 

 

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า โดยใน 5 จุดดังกล่าวพบว่ามี 2 จุดที่เกิดเหตุเพลิงไหม้จำนวน 3 ครั้ง คือ อ.บ้านค่าย 1 ครั้ง อ.ภาชี 2 ครั้ง ซึ่ง 1 ใน 2 ครั้งที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ภาชีนั้น พบว่ามีการวางเพลิงจริงอย่างชัดเจน โดยใช้ระเบิดที่ดัดแปลงมาจากระเบิดบอลไล่นกประมาณ 3-40 ลูก และต้องตรวจสอบต่อไปว่าผู้ใดเป็นคนวางเพลิง แต่อีกครั้งหนึ่งยังไม่พบว่าเป็นการวางเพลิงแต่ก็ต้องตรวจสอบต่อไป โดยการเกิดเพลิงไหม้ทั้ง 3 ครั้งนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ในการขยายผลถึงสาเหตุ และตั้งข้อสงสัยว่าการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าวเป็นการทำลายหลักฐานที่เป็นวัตถุพยานที่มีอยู่หรือไม่ 


พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า โดยในวันนี้ได้มีการเชิญนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมมาร่วมประชุมติดตามคดีดังกล่าวด้วย เนื่องจากทางกรมโรงงานได้ติดตามคดีนี้มาโดยตลอด และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้จากการสืบสวนยังพบว่าบริษัทดังกล่าวมีการปลอมแปลงเอกสารรวมทั้งตราประทับ ในทุกๆขั้นตอน ซึ่งวันนี้จะมีการมอบหมายให้ สพฐ.ตร. ไปดำเนินการตรวจสอบในพยานหลักฐานเพิ่มเติม อีกทั้งตนยังได้มอบนโยบายว่า “ผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดทั้งหมดต้องได้รับโทษทั้งหมด”

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีการออกหมายจับไปแล้วกี่หมาย พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า มี 2 หมายจับ แต่มีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 10 คน จึงคาดว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาจำนวนมาก เช่นการขนส่งที่ไม่ได้รับอนุญาตมากกว่า 100 ครั้ง และจากการสืบสวนทราบว่า ทั้ง 5 โรงงานที่พบวัตถุอันตราย เป็นเจ้าของเดียวกันทั้งหมด แต่มีผู้ร่วมขบวนการหลายคนทำหน้าที่ต่างๆ โดย 1 ใน 5 โรงงานมีการจดใบอนุญาตอย่างถูกต้อง และโรงงานที่เปิดถูกต้องทำหน้าที่เป็นเหมือนนอมินีกระจายวัตถุอันตรายไปให้โรงงานอื่นๆ และพบว่ามีการเปลี่ยนตัวกรรมการผู้จัดการหลายครั้งเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ขณะนี้กำลังพิจารณาข้อกล่าวหาที่จะนำไปสู่มูลฐานการฟอกเงินต่อไป 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบโครงสร้างการทำงานขององกรค์ที่โรงงานในอ.บ้านค่าย ซึ่งเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าให้มีการเปลี่ยนแปลงหัวชื่อเอกสารในบริษัทเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดความสับสน 

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนที่เจ้าหน้าที่รัฐมีความเกี่ยวข้องหรือไม่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ แต่เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ทั้งนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน โดยตนสั่งการให้ทาง พล.ต.ต. ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เข้าร่วมด้วย

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตั้งเป้าไว้ว่า  การเกิดเหตุเพลิงไหม้ทั้ง3 จุด หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการวางเพลิงแล้วนั้น จะคาดว่ามาจากขบวนการเดียวกัน ทั้งนี้ต้องรอผลตรวจวัตถุเคมีอีกครั้ง เพื่อให้ทราบว่าวัตถุเคมีดังกล่าวทำให้เกิดเพลิงไหม้ด้วยตัวเองได้หรือไม่ ถ้าหากไม่สามารถเกิดเพลิงไหม้ได้ด้วยตัวเองจะมีอะไรที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้บ้าง.