คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
ตำแหน่งรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาถือได้ว่ามีความสำคัญที่อาจจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีได้ โดยในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีรองประธานาธิบดีถึง 15 คนที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และแม้กระทั่ง“ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ก็ยังเคยอยู่ในตำแหน่งรองประธานาธิบดีมาก่อนแล้วในยุคสมัย “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา” นั่นเอง
สำหรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีของ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” เขาออกมาชูธงว่าจะต้องมีคุณสมบัติที่มีความจงรักภักดีเป็นอันดับแรก!!!
อนึ่งนักการเมืองที่อยู่ในข่ายจะได้รับเลือกในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์นั้น ล้วนแล้วแต่เคยเป็นศัตรูทางการเมืองของเขามาแทบทุกคน
ทั้งนี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งใจที่จะประกาศว่า ใครคือผู้ที่จะเข้ามาช่วยร่วมลงเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในการประชุมพรรครีพับลิกัน ที่จะจัดขึ้นใน รัฐวิสคอนซิน ระหว่างวันที่ 15-18 กรกฎาคม 2024 นี้
และถึงแม้ว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะมีบาดแผลเหวอะหวะทั่วทั้งตัวแล้วก็ตาม แต่โอกาสที่เขาจะได้รับเลือกเข้าสู่ทำเนียบขาวก็ยังคงมีค่อนข้างสูง ฉะนั้นนักการเมืองในค่ายพรรคเดียวกันที่เคยเป็นศัตรูทางการเมืองของเขาแทบทุกคนตอนนี้กลับยอมสยบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หันมาปวารณาตัวพร้อมที่จะเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดีของประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว
อย่างไรก็ตามผู้ที่อยู่ในข่ายที่อาจจะได้รับเลือกในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้มีราวๆ 10 คนที่มีทั้ง ผู้ว่าการรัฐ วุฒิสมาชิก และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตัวเต็งอันดับหนึ่งก็คือ “ผู้ว่าฯดั๊ก เบอร์กัม” จากรัฐนอร์ทดาโคตา ที่เขาสำเร็จเอ็มบีเอ จาก สแตนฟอร์ด และยังเป็นเพื่อนสนิทกับ“สตีฟ บอลล์เมอร์” อดีตประธานบริษัทไมโครซอฟท์ โดยเมื่อครั้งอดีตผู้ว่าฯดั๊ก เบอร์กัม เคยเป็นนักบริหารที่มีประสบการณ์หลากหลายในบริษัทไมโครซอฟท์ แต่ 13 ปี ต่อมาเขาก็ตัดสินใจขายบริษัทไมโครซอฟท์ โดยเขาสามารถทำกำไรได้มากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ นับว่าเขาเข้าขั้นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของสหรัฐฯเลยทีเดียว!!
โดยขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯแห่งรัฐดาโคตาในสมัยที่สอง และที่ผ่านมาเขาก็เคยออกมาประกาศตัวต้องการที่จะลงแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วก็ตาม แต่กลับเปลี่ยนใจยอมยกธงขาวในเดือนธันวาคมปีกลาย
ทั้งนี้เมื่อศึกษาประวัติการเมืองของผู้ว่าฯเบอร์กัมปรากฏออกมาว่า เขาเป็นนักการเมืองที่ไม่ค่อยออกมาเอ่ยปากวิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีทรัมป์มากเท่าใดนัก นับว่าเป็นผลบวกที่แตกต่างไปจากนักการเมืองคนอื่นๆ
และนับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เปิดปากแถลงว่า สนใจและต้องการที่จะให้เขาเข้ามาอยู่ในตำแหน่งรองประธานาธิบดี มีผลทำให้ขณะนี้ผู้ว่าฯเบอร์กัมออกมาเคลื่อนไหวทุ่มเทเวลาทำกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์หลายๆแห่ง แถมยังออกมาพูดปกป้องและหยอดยาหอมประกาศสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อย่างแข็งขัน การที่ผู้ว่าฯเบอร์กัมเป็นตัวเต็งเบอร์หนึ่งอยู่ในขณะนี้ สืบเนื่องมาจากเขายังมีประวัติใสๆสะอาดสะอ้านไม่มีบาดแผลทางการเมือง แถมยังอู๋จี๊มีเงินเป็นถุงเป็นถังระดับมหาเศรษฐี แน่นอนว่าสามารถจะช่วยสนับสนุนด้านการเงินในการหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนตัวเต็งอันดับสองในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของอดีตประธานาธิบดีก็คือ “วุฒิสมาชิก เจ.ดี. แวนส์” จากรัฐโอไฮโอ อันที่จริงวุฒิสมาชิกแวนส์ เคยเหม็นหน้าแอนตี้ไม่ยอมร่วมสังคายนากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างสุดเหวี่ยงมาแล้ว และยังให้สัมภาษณ์เมื่อปีค.ศ. 2022 ว่า “ผมไม่เคยชอบประธานาธิบดีทรัมป์เลยแม้แต่น้อย”
แต่ทันทีที่เจ.ดี. แวนส์ ประกาศตัวตัดสินใจที่จะลงเลือกตั้งในตำแหน่งวุฒิสมาชิก จากรัฐโอไฮโอ กลับปรากฏว่า เขาได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ มีผลทำให้ท่าทีของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และตอนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องไปปรากฏตัวที่ศาลในคดีอาญา วุฒิสมาชิกแวนส์ ก็เดินทางไปให้กำลังใจ ซึ่งเขาอาจจะคาดการณ์เอาไว้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีสิทธิ์ที่จะชนะการเลือกตั้ง
และที่ผ่านมายังเป็นที่ยอมรับกันอย่างทั่วไปว่าวุฒิสมาชิกแวนส์ เป็นนักการเมืองขวาจัดทำนองเดียวกันกับประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้งนี้ในหนังสือที่เขาเขียนประวัติของเขาเอาไว้นั้นวุฒิสมาชิกแวนส์อธิบายว่า “ข้าพเจ้าเติบโตในครอบครัวที่มีความยากจน และข้าพเจ้ายังเคยติดยาเสพย์ติด แต่โชคดีที่ข้าพเจ้ามีโอกาสได้รับการศึกษาด้านกฎหมายที่ มหาวิทยาลัยเยล จนทำให้ชีวิตของข้าพเจ้าเปลี่ยนไป”ส่วนนักการเมืองตัวเต็งในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของประธานาธิบดีทรัมป์อีกคนหนึ่งก็คือ “วุฒิสมาชิกมาโค รูบิโอ” ผู้ที่มีเชื้อสายคิวบา
ทั้งนี้ครั้งที่มีการแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีค.ศ. 2016 วุฒิสมาชิกรูบิโอ วางตนเป็นศัตรูคนสำคัญของโดนัลด์ ทรัมป์โดยการแข่งขันครั้งนั้นโดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวเหยียดหยามต่อวุฒิสมาชิกรูบิโอ โดยเรียกเขาอย่างเหยียดหยามซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “อ้ายเตี้ยรูบิโอ” นับเป็นส่วนหนึ่งของจุดดับในการลงแข่งขันตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาเลยทีเดียว
และถึงแม้ว่าครั้งนั้นเขาจะตัดสินใจยอมยกธงขาวเปิดทางให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ไปแล้วก็ตาม แต่วุฒิสมาชิกรูบิโอก็ยังออกมากล่าวโจมตีโดยให้สัมภาษณ์ The New Republic ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นนักการเมืองที่เชื่อถือไม่ได้เลย”
นักการเมืองตัวเต็งคนที่สี่ได้แก่ “วุฒิสมาชิกทิม สก็อตต์” ซึ่งเขาเป็นนักการเมืองผิวสีเพียงคนเดียวในวุฒิสภา ที่เขาได้รับการแต่งตั้งจาก “อดีตผู้ว่าฯนิกกี เฮลลีย์” และต่อมากลับปรากฏว่า เขาออกมาวางตัวเป็นศัตรูทางการเมืองต่อผู้ว่าฯนิกกี เฮลลีย์ อย่างออกหน้าออกตา ทั้งนี้วุฒิสมาชิกทิม สก็อตต์ มีข้อได้เปรียบที่เขาอาจจะดึงดูดผู้คนชาวผิวสีให้หันไปสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ในวงกว้าง
นักการเมืองตัวเต็งคนที่ห้าก็คือ “อดีตผู้ว่าฯนิกกี เฮลลีย์” โดยเธอเป็นนักการเมืองที่มีความน่าเกรงขาม และที่ผ่านมาเธอเคยเป็นศัตรูทางการเมืองคนสำคัญที่สุดในการแข่งขันตำแหน่งประธานาธิบดีขั้นต้น โดยเธอเป็นผู้ที่ตัดสินใจยกธงขาวยอมแพ้คนสุดท้าย
และถึงแม้ว่าเธอจะยอมยกธงขาวไปแล้วก็ตาม แต่ทว่าเธอก็มิได้ออกมาประกาศสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเขาได้กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 ว่า “นิกกี เฮลีย์ ไม่อยู่ในข่ายการพิจารณาในตำแหน่งรองประธานาธิบดี” ทำให้อดีตผู้ว่าฯเฮลลีย์ออกมาโต้ตอบว่า “ดิฉันก็มิได้หวังตำแหน่งรองประธานาธิบดีเลยแม้แต่น้อย”
นี่เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของบรรดานักการเมืองตัวเต็งที่จะเข้าไปรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีในการลงแข่งขันเลือกตั้งทีมของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์!!!
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นค่ายพรรครีพับลิกันที่นำทีมโดย “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”มีตัวเต็งในตำแหน่งรองประธานาธิบดีหลายๆคนด้วยกัน และเขายังได้ออกมาแถลงซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยว่า เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกใคร และจะประกาศให้ทราบในวันที่ 15 กรกฎาคม 2024 ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ณ รัฐวิสคอนซิน และทันทีที่มีการประกาศชื่อแน่นอนว่า จะกลายเป็นข่าวใหญ่ในทันที และถึงแม้ว่าขณะนี้ประธานาธิบดีทรัมป์จะมีบาดแผลทางการเมืองขนาดใหญ่หมอแทบไม่รับเย็บก็ตาม แต่คงมิได้เป็นอุปสรรคในการหาเม็ดเงินเลยแม้แต่น้อย เพราะขณะนี้มีผู้บริจาคให้เขาพุ่งขึ้นสูงจนแซงขึ้นหน้า “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน”ไปแล้ว หนำซ้ำสำนักหยั่งเสียงฟอกซ์นิวส์ รายงานครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2024 ว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำหน้าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไปแค่นิดเดียวอยู่ที่ 50% ต่อ 48%เท่านั้น ซึ่งเส้นทางการเมืองไม่มีความแน่นอนย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลาละครับ