วันที่ 27 มิ.ย.67 ที่ สตม.ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. แถลงข่าวจับกุมหัวหน้าแก๊งโจรกรรมแดนปลาดิบ OVERSTAY พบประวัติก่อคดีลักทรัพย์ 111 คดี
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับโดยสงสัยว่านายมิโยชิ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี สัญชาติญี่ปุ่น จะอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จึงเข้าตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า การอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยของนายมิโยชิได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) พร้อมทั้งได้ประสานงานไปยังสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย เพื่อขอตรวจสอบประวัติของนายมิโยชิ รับแจ้งว่า นายมิโยชิ ได้กระทำความผิดในประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี พ.ศ.2566 ในคดีโจรกรรมและบุกรุกในพื้นที่ 5 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น รวม 111 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 13,000,000 เยน (ประมาณ 3 ล้านบาท) โดยมีพฤติการณ์เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรกรรมและเป็นหัวหน้าแก๊งมอเตอร์ไซด์นางาโทโมะ พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. เกรงว่านายมิโยชิ จะก่อคดีโจรกรรม ในประเทศไทย จึงให้ กก.1 บก.สส.สตม. เร่งสืบสวนติดตามหาตัวนายมิโยชิ
จากการสืบสวนของ กก.1 บก.สส.สตม.พบข้อมูลว่านายมิโยชิ เข้าพักอาศัยในโรงแรมหรูในเขตวัฒนา เขตคลองเตย กรุงเทพฯ และมีข้อมูลว่านายมิโยชิ จะลักลอบเดินทางออกไปยังประเทศกัมพูชาทางชายแดนด้าน จว.สระแก้ว จึงได้นำกำลังไปสกัดกั้นตามแนวชายแดนไม่ให้นายมิโยชิหลบหนีออกไปได้ จนนายมิโยชิต้องกลับมาหลบซ่อนตัวในกรุงเทพฯ ซึ่งพบโรงแรมแห่งหนึ่งใน เขตวัฒนาได้แจ้งชื่อนายมิโยชิเข้าพัก จึงไปตรวจสอบพบว่านายมิโยชิ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. โดยใช้ชื่อของตนเองเช็คอิน แต่ให้เพื่อนเข้าพักแทน จากการสืบสวนพบว่า นายมิโยชิ ได้หลบไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมในแขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ จึงนำกำลังไปจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และจะได้ดำเนินการส่งนายมิโยชิกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นต่อไป