พาไปเที่ยวชมถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวัดธัมรัตคูหา หมู่ที่ 1 ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ถ้ำแห่งนี้ถูกปิดไว้นานหลายปีแล้ว เนื่องจากเคยมีนักท่องเที่ยวมือดีเดินทางเข้าไปขูดขีด เขียนข้อความต่าง ๆ ที่เป็นการทำลายผนังถ้ำ ทำให้พระอธิการสุนทร สนทโร เจ้าอาวาสวัดธัมรัตคูหา องค์ปัจจุบัน รู้สึกเสียใจกับสภาพของถ้ำที่ถูกทำลายความงดงามไป  

ทริปนี้ ผศ.ดร.เชิดชัย ธุระแพง รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง ได้อาสาพาคณะสื่อเข้าไปชมภายในถ้ำ เริ่มจากบริเวณทางขึ้นถ้ำนั้นจะต้องเดิน ขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เป็นเส้นทางที่ผ่านป่าไผ่รวก ป่าไม้เบญจพรรณ และหินขรุขระมากมาย  การเดินทางลักษณะขึ้นที่สูง  ราบ สลับกัน ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร จนถึงปากถ้ำที่ค่อนข้างกวาง ภายในถ้ำมีใหญ่ กระจายออกไปประมาณ 9 ห้อง ต้องเดินลงบันไดเข้าไป ด้านหน้าจะมีลักษณะคล้ายห้องโถงใหญ่ มีพระพุทธรูปปางเปิดโลกประดิษฐานอยู่ จากนั้นเดินผ่านห้องต่าง ๆ ที่มีความมืด ต้องใช้ไฟฉายส่องสว่างในการนำทางเข้าไป ยังพบฝูงค้างคาวเกาะบินอาศัยอยู่บริเวณผนังถ้ำ เมื่อเดินผ่านห้องนี้เข้าไปอีก ก็จะพบหินงอกหินย้อยรูปทรงสวยงามแปลกตา  ด้านในยังพบที่ฝังสรีระสังขารของพระกิมใช้ สทธาธโน ( กิมใช้ ศรีเอี่ยมกูล )  อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อน ซึ่งถูกนำมาฝั่งไว้ภายในถ้ำแห่งนี้ ซึ่งก่อนที่ท่านจะมรณภาพได้สั่งลูกศิษย์ให้นำร่างฝั่งมาเก็บไว้ที่แห่งนี้ ด้านหลังหลุมฝังสรีระสังขารท่าน หากสังเกตดี ๆ จะเห็นก้อนหินทรงประหลาดคล้ายหัวม้า มีลูกตา มีจมูกสีเทาดำ มีปาก ชัดเจน   หลังจากเดินทางผ่านห้องนี้แล้วก็ยังมีห้องอีกหลายห้องที่มีผนังถ้ำมีรูปทรงคล้ายสัตว์ต่าง ๆ บางจุดพบหินกำลังงอกย้อยลงมาเป็นแท่งหยดน้ำที่ใสสวยงามมาก 

สำหรับประวัติถ้ำธัมรัตคูหา เป็นหนึ่งสถานที่ในยุคเก่าก่อนเป็นที่พำนัก ทั้งบำเพ็ญเพียรของเหล่ามนุษย์ ทวยเทพเทา ฤาษี นาคา นาคี ปัจจุบันคือสถานที่ที่สั่งสมบุญบารมีนำประพฤติวัตรให้เห็นธรรม รักษา เพิ่มพูน ควบคุมและสร้างความเข้าใจสมดุลในร่างกาย ในจิตในความคิด  วัดตั้งขึ้นโดย พระกิมใช้ สทธาธโน (กิมใช้ ศรีเอี่ยมกูล )  “ หลวงเตี่ย ” บรรพชาเมื่ออายุประมาณ  63 ปี  พ.ศ.  2476  จนถึง พ.ศ.  2539  รวม 9 พรรษา สิริอายุ 72 ปี ( 2467 – 2539 )   ก่อนท่านจะละสังขารได้สั่งลูกหลานให้ฝังท่านไว้ในถ้ำแห่งนี้  ก่อนหน้าที่หลวงเตี่ยจะมาจำพรรษา ณ ที่นี้เคยเป็นสถานที่พำนักแห่งขุนโจรชื่อดังของ จ.ราชบุรี ( ประมาณ 2 ชั่วอายุคน )  มีการปล้นด้วยการใช้วิธีเขียนจดหมายให้เหยื่อนำสมบัติออกมาไว้หน้าบ้าน ตกเย็นถึงจะมารับของ นามว่า “ เสือผล ”  เขาเล่าว่าสมบัติที่นำมาได้มีการนำแจกจ่ายแก่ผู้ยากจนด้วย  ที่สุดแล้วเล่าขานกันว่าถูกวิสามัญฆาตกรรม ณ ที่แห่งนี้  แต่ที่น่าแปลกศพเสือผลกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งที่เจ้าหน้าที่ได้นำมาเตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายศพเมื่อตอนอรุณรุ่ง  เพราะที่นี่เป็นป่าดงดิบ

สภาพพื้นที่ของวัดธัมรัตคูหามีหลายถ้ำ ส่วนใหญ่จะถูกทำลายมาก  แต่ยังคงหลงเหลือร่องรอย ความงามของธรรมชาติและของใช้ของคนยุคก่อนไว้ให้เหล่าลูกหลานได้เรียนรู้และศึกษา ด้านในถ้ำจะมีหินย้อย ให้ได้เห็นถึงความงดงาม ลักษณะเป็นม่านหินดูพลิ้วไวบนเพดานถ้ำ หากแหงนหน้าขึ้นไปก็จะพบธรรมชาติ ความสวยงามของหินย้อยที่มีรูปทรงแปลกตา  ซึ่งต้องใช้เวลาที่ยาวนานนับสิบนับร้อยปีจึงจะได้เห็น

พระอธิการสุนทร สนทโร เจ้าอาวาสวัดธัมรัตคูหา  จึงขอให้ผู้ที่จะเข้ามาเที่ยวชมธรรมชาติควรช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่านี้ไว้ อย่าคิดทำลาย ไปหยิบ จับ ขีด เขียน จะทำให้ความงดงามถูกทำลายไปและต้องใช้เวลาที่ยาวนานในการฟื้นฟูให้กับกลับสวยงามได้อีกครั้ง