สำหรับตลาดอินเดีย เป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญและเป็นโอกาสที่ดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งทางด้านจำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลก (1.437 พันล้านคน) อัตราการเติบโตของจีดีพี (GDP) ในปี 2567 ที่คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 7.3% จำนวนประชากรอินเดียที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเพิ่มขึ้นและมีจำนวนเกือบ 2 หมื่นราย การเติบโตของอุตสาหกรรมการบินอินเดียมีแนวโน้มจะเป็นหนึ่งในตลาดธุรกิจการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือแม้กระทั่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอินเดียที่จะขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2570
การลงทุนของสายการบิน
ทั้งนี้ นางสิริเกศอนงค์ ไตรรัตนทรงพล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนิวเดลี ประเทศอินเดีย กล่าวว่า การท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัวโดยมีคนอินเดียจะกลับมาเดินทางเที่ยวต่างประเทศ 80-90 % ซึ่งเมืองไทยน่าจะครองตลาดได้ในอันดับ 4 สร้างรายได้ประมาณ 80 % ของปี 2562 จากวันพักเฉลี่ยเกินกว่า 8 วัน/คน/ทริป (เดิมทำไว้7.4 วัน/คน/ทริป) เปรียบเทียบกับปี 2562 อินเดียไปเที่ยวทั่วโลก 26.9 ล้านคน โดยเลือกมาไทย 1.9 ล้านคน
ซึ่งปัจจัยสนับสนุนที่จะทำให้รายได้ และจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คือ การลงทุนของสายการบินอินเดีย ในอนาคตจะมีขนาดฝูงบินใหญ่ที่สุดของโลก โดยในขณะนี้เฉพาะ 2 แอร์ไลน์สที่ประกาศสั่งซื้อฝูงบินล็อตใหญ่รวมกันกว่า 970 ลำ ได้แก่ สายการบินแห่งชาติแอร์อินเดีย สั่งซื้อ 470 ลำ และ อินดิโก้แอร์ไลน์ส โลว์คอสต์ยอดนิยมของคนอินเดียได้ สั่งซื้อฝูงบินมากถึง 500 ลำ เวลานี้เปิดบินเข้าไทย 2 เมือง คือ กรุงเทพฯ กับภูเก็ต สำหรับการลงทุนขยายฝูงบินดังกล่าวสะท้อนถึงตลาดการเดินทางเที่ยวต่างประเทศอนาคตในตลาดอินเดียจะเติบโตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่งเสริมการตลาดต่อเนื่อง
โดย นางสิริเกศอนงค์ กล่าวว่า ปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวอินเดียถูกตั้งไว้ที่ประมาณ 1.8 ล้านคน หรืออาจจะขึ้นได้เท่ากับปี 2019 ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 1.99 ล้านคน เกือบ 2 ล้านคน ทั้งนี้มีปัจจัยเสริมมาจาก 2 ข้อหลัก คือ ที่นั่งเที่ยวบินรองรับการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ 2 ช่วง คือ เดือนธันวาคม-มกราคม และอีกช่วงหนึ่ง คือ ช่วงปิดภาคเรียน คือเดือนมิถุนายน- กรกฎาคม
ซึ่งจากปัจจัยสนับสนุนของมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) หรือ วีซ่าฟรี ของนักท่องเที่ยวอินเดีย และการดำเนินการส่งเสริมตลาดของ ททท.อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2567 จะส่งเสริมผลักดันให้นักท่องเที่ยวอินเดียเติบโตรายได้ที่ตั้งไว้ รวมถึงการปลดล็อกปริมาณที่นั่งผู้โดยสาร (Seat Capacity) ตามข้อตกลงการบินระหว่างประเทศไทย-อินเดีย และ การพิจารณาอนุมัติเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินจากสายการบินแอร์อินเดีย เส้นทางจากมุมไบ-กรุงเทพฯ จาก 1 เที่ยวบินต่อวัน เป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน
ซึ่งถ้าเทียบกันแล้วในช่วงก่อนมีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) หรือ วีซ่าฟรี กับหลัง จะเห็นว่าตัวเลขได้ปรับเปลี่ยนไปในทางบวกเป็นอย่างมาก และก็ถ้าพูดถึงการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับ 2019 เราสามารถพูดได้ว่า ตลาดอินเดียกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่แล้ว เพราะว่าถ้าเทียบในเวลาช่วงเดียวกันกับ 2019 ตั้งแต่มกราคม ถึงเดือนพฤษภาคม มีอัตราการเจริญเติบโตเป็นบวกที่ 7% หรือมากกว่านั้น
อย่างไรก็ตามตลาดที่มีมูลค่าสูงจากอินเดียเที่ยวเมืองไทย ได้แก่ กลุ่มครอบครัว ซึ่งเดินทางหลายเจนเนอเรชั่น ขนาดใหญ่เดินทางพร้อมกัน 10 คนขึ้นไป/กรุ๊ป เลือกใช้ห้องพักหรูแบบพูล วิลล่า หรือมีหลายห้องรวมกัน มีวันพักเฉลี่ย 4-7 วัน/คน/ทริป รวมทั้งนิยมทำกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยจากฐานตัวเลขปี 2562 ประมาณ 5,493 บาท/คน/ทริป รวม 40,841 บาท/คน/ทริป ส่วนปี 2566 แนวโน้มน่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 5-10%
สำหรับการนำเสนอขายแหล่งท่องเที่ยวตามความนิยมของชาวอินเดียปีปกติ 2562 พื้นที่หลัก 10 อันดับแรก ได้แก่1.กรุงเทพฯ 2.พัทยา 3.ภูเก็ต 4.กระบี่ 5.สมุย 6.เชียงใหม่ 7.หัวหิน 8.ชะอำ 9.สมุทรปราการ 10.เกาะพะงัน ปี 2563 ช่วงทำภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ส่งผลให้อินเดียแห่มาเที่ยวภูเก็ตมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งพื้นที่ตลาดอินเดียตอนเหนือซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาจึงนิยมมาเที่ยวทะเลค่อนข้างมาก