บิ๊กยุติธรรม แต่งตั้งคณะทำงานถอดบทเรียน "สตาร์ค"  ชูอดีตอธิบดีศาลล้มละลาย พิชัย นิลทองคำ หัวหน้าทีมทำงาน ตั้งเป้าป้องกันและลดความเสี่ยงกระทำผิดซ้ำซาก

     เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ดำเนินการสอบสวน กรณีที่มีการกล่าวโทษ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับพวก ในความผิดฐานลงข้อความอันเป็นเท็จในบัญชีหรือเอกสารและงบการเงินของบริษัทฯ ความผิดฐานแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์หรือร่างหนังสือชี้ชวน และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และประมวลกฎหมายอาญา โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 14,778,000,000 บาท ภายหลังมีการนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว นั้น


     กรณีดังกล่าว เห็นว่าเป็นกรณีที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงมีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 158/2567 ลงวันที่ 25 มิถุนายน แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรม กรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ขึ้น โดยมี นายพิชัย นิลทองคำ อดีตอธิบดีศาลล้มละลาย เป็นประธานคณะทำงาน และคณะทำงานประกอบด้วย ผู้แทนอัยการสูงสุด ,อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านตลาดทุน รวมทั้งกฎหมาย และตัวแทนผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้นสามัญ รวม 10 ท่าน เป็นคณะทำงาน โดยมีผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเลขานุการคณะทำงาน


     พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การตั้งคณะทำงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแผนประทุษกรรมคดีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทั้งด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยถอดบทเรียนและวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายและกรอบการดำเนินงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษและการเพิ่มประสิทธิภาพในการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของตลาดทุนและตลาดเงิน เพื่อสร้างระบบการกำกับดูแลตรวจสอบและแจ้งเตือนล่วงหน้า อันเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อให้ตลาดเงินและตลาดทุนมีเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสตรวจสอบได้ตามมาตรฐานสากล