วันที่ 26 มิ.ย.67 ที่องค์การทหารผ่านศึก  นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมว่า  ได้เน้นย้ำ หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและ ผบ.เหล่าทัพ เข้มงวดมาตรการการหักเงินเดือนพลทหารตามที่กำหนด พร้อมส่งจเรทหารลงพื้นที่ หากพบว่าฝ่าฝืนจะมีการลงโทษโดยเด็ดขาด

นอกจากนี้ยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกำลังพล ซึ่งกระทรวงกลาโหมโดยรัฐบาลมีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นำคณะทำงาน มาร่วมประสานกับกระทรวงกลาโหมและมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกำลังพล โดยกระทรวงกลาโหม ได้ทำเรื่องนี้มาตลอด และได้ยกระดับร่วมกับนโยบายรัฐบาล อีกชั้นหนึ่ง

ขณะนี้มีข้อหนึ่ง ที่กระทรวงกลาโหมแตกต่างจากกระทรวงอื่นซึ่งต้องไปแก้ระเบียบของกระทรวงว่ากำลังพลที่ถูกฟ้องร้องหรือล้มละลาย ไม่จำเป็นต้องถูกปลดออกจากราชการ ยกเว้นเกี่ยวข้องกับคดีทุจริต 

แต่กระทรวงอื่นๆจะถูกปลดออก เนื่องจากเราวิเคราะห์กันโดยละเอียดแล้วว่า  คนที่ล้มละลาย ไม่ใช่คนชั่ว อาจจะด้วยภาระความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ข้อผิดพลาดในการบริหารชีวิต เขาก็ไม่สมควรที่จะถูกปลดออก ซึ่งเป็นการซ้ำเติม  

อีกทั้งไม่เกิดผลดีต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งฝ่ายเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ถ้าให้เขาอยู่ในราชการต่อ เขามีโอกาสได้เงินคืนมากกว่าร่วมถึงอาจจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ 

นายสุทิน ย้ำว่า จะให้กลไกการแก้ไขหนี้สินโดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ของกองทัพทุกหน่วย นอกเหนือจากการให้กู้ หน่วยงานเหล่านี้ต้องออกไปฟื้นฟูชีวิตแนะนำ พัฒนาเศรษฐกิจของกำลังพลด้วย และที่สำคัญการหักเงินใช้หนี้ต้องเหลือไว้ 30% เพื่อดำรงชีพ 
โดยสหกรณ์ใดไม่ให้ความร่วมมือ เราจะมีมาตรการกับผู้บังคับบัญชา จะมีการเชื่อมโยงเป็นกรรมการของสหกรณ์ด้วย 

นอกเหนือจากนั้นให้มีการรวมหนี้ ให้หน่วยงานหรือองค์กรสถาบันการเงินขององค์กร รวมถึงสหกรณ์ได้รวมหนี้ของกำลังพล ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ทำให้กำลังพลบริหารเงินที่มีอยู่ได้ นอกเหนือจากนั้นให้หน่วยสวัสดิการของกองทัพ กรมสวัสดิการ 

ซึ่งกองทัพได้จัดระเบียบสวัสดิการก่อนหน้านี้แล้ว เช่น สวัสดิการเชิงธุรกิจ เงินที่ได้เหล่านี้ จะถูกนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาให้กับกำลังพล ที่เป็นหนี้โดยเฉพาะกำลังเป็นชั้นผู้น้อย ซึ่งมาตรการเหล่านี้เราเชื่อว่ากำลังพลของเรา จะมีชีวิตที่ดีขึ้น