เศรษฐา บอกยึดมั่นตามกฎหมาย หลัง บิ๊กโจ๊ก ขู่ฟ้อง ม.157 หากไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกจากราชการ วิษณุสะกิดบิ๊กโจ๊กไม่ควรฟ้องนายกฯ แต่ให้รอ ก.พ.ค.ตร. หากไม่พอใจ ค่อยไปศาลปกครอง ชี้ฟ้องกิตติ์รัฐ เป็นเรื่องบุคคล
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เตรียมดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งและอาญา ม.157 หากไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ว่า ยึดมั่นตามกฎหมายครับ
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. จะยื่นฟ้อง ม.157 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หากไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ว่า มีสิทธิฟ้อง เพราะเป็นการฟ้องส่วนตัว แต่ไม่ควรฟ้อง ที่สำคัญพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังมีช่องทางที่จะบำบัดหรือได้รับการเยียวยาหลายช่องทาง ซึ่งควรจะไปใช้ช่องทางปกติ โดยสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐนนตรี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ยื่นฟ้องเช่นกัน เช่นทางคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ที่ได้เขียนเอาไว้ว่า หากใครได้รับความเดือดร้อนจากผู้บังคับบัญชาก็สามารถยื่นร้องทุกข์ได้ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ ก.พ.ค.ตร.ในการตัดสิน หากตัดสินอย่างไรให้เป็นไปตามนั้น เวลานี้เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ ก.พ.ค.ตร. ฉะนั้นที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุอนุ ก.ตร.ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ต้องถูกส่งไป ก.พ.ค.ตร. เพื่อวินิจฉัยในเร็ววันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ควรรอคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกคนควรจะรอ เว้นแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปแก้ไขเยียวยาเอง ส่วนจะนานหรือไม่นั้น มันนาน แต่ว่า ก.พ.ค.ตร.ได้รับเรื่องไว้นานแล้ว ฉะนั้น เวลาน่าจะเหลือจะประมาณ 1 เดือน เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีการอ้างมติ ครม.ปี 2482 ว่า หน่วยงานใดที่หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานนั้นต้องทำตามนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า มีอยู่จริง ออกมาตั้งแต่สมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม และใช้ตั้งแต่นั้นมา
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะยึดความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการต่อสู้ และมีสิทธิจะชนะใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด ยิ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน ยิ่งไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด และในวันที่ตนแถลงข่าวก็ไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด แค่มาเล่าให้ฟังเท่านั้นว่าคณะกรรมการทั้งสองชุดว่าอย่างไร ซึ่งในวันนั้นมีผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังเป็นแคนดิเดตผบ.ตร.ได้อยู่หรือไม่ ตนจึงตอบว่าใครก็ตามที่ดำรงตำแหน่งพล.ต.อ. และเป็นรองผบ.ตร. ก็มีโอกาสทั้งนั้น แต่สุดท้ายจะได้เป็นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งมติ ก.ตร. และอยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อใคร เหมือนเช่นตอนที่เสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เมื่อถามว่า แต่เป็นเหตุผลที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หยิบขึ้นมาอ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกคนก็เอาสิ่งที่ตนได้ประโยชน์มาอ้าง ไม่มีใครอ้างในสิ่งที่เป็นโทษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กลายเป็นว่า มีการเอาผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่มีนายฉัตรชัยเป็นประธาน ที่ทำท่าจะจบ แต่ไม่จบ เพราะมีการไปต่อยอด ฟ้องร้องกัน นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เป็นคดีใหม่ ส่วนคดีเก่าคือ คดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งเรื่องจบไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนกรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร. และคนอื่นๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นธรรมดาเหมือนคดีทั่วไป ที่จบอีกเรื่องก็มีอีกเรื่องหนึ่งต่อไป และถือเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับองค์กร ไม่เกี่ยวกับกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขอย้ำประโยคนี้ว่า เขาออกแบบไว้ให้ ก.พ.ค.ตร.เป็นผู้ตัดสินปัญหา ก็ต้องใช้ช่องทางนี้ หากผลตัดสินของ ก.พ.ค.ตร.ไม่เป็นที่พอใจ ก็ไปร้องศาลปกครองได้อีก
เมื่อถามว่า ตอนนี้ตกลงพล.ต.อ.สุรเชษ์ฐสามารถกลับเข้ามาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าดูจากวันนี้เดี๋ยวนี้ตอบได้ว่ามี แต่ถ้าต่อไป อาจมีการแก้เกมอย่างอื่นจนไม่ได้เป็นก็ได้ เพราะมันยังมีช่องกฎหมายอีกเยอะ ซึ่งตามช่องที่คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่ากระบวนการไม่ชอบ และเป็นเอกฉันท์ด้วย เมื่อถามย้ำว่า กระบวนการทั้งหมดจะไม่สามารถดำเนินการได้หากยังไม่มีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ เมื่อถามอีกว่า มีโอกาสที่จะไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เขาจะไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ แน่ เว้นแต่ ก.พ.ค.ตร.จะสั่งลงมา แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่เขาบอกว่าหนังสือที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯนั้น มีข้อสังเกตว่า ควรจะถูกต้องตามกระบวนการ เพราะมีตัวอย่างมาแล้วนับ 10 เรื่องที่กระบวนการไม่ถูก แล้วถูกส่งกลับมาดังนั้น ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ก.พ.ค.ตร.และรัฐบาลเองก็ฟัง ก.พ.ค.ตร. จะเอาอย่างไรก็เอาตามนั้น
ด้าน นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ว่าต้องรอคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อน เมื่อถามว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนในการรอขึ้นทูลเกล้าฯ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อที่จะดำเนินการขั้นตอนให้ถูกต้องใช่หรือไม่ นางณัฐฏ์จารี กล่าวว่า ใช่ ต้องรอตรวจสอบขั้นตอนให้ถูกต้องก่อน เมื่อถามว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถกลับมาทำหน้าที่รอง ผบ.ตร.ได้ใช่หรือไม่ เพราะอยู่ในขั้นตอนการทำขั้นตอนให้ถูกต้องใช่หรือไม่ นางณัฐฏ์จารี กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ แต่เรื่องนี้จะคุยกับนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีกรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญ ขอพยานเพิ่มเติม นางณัฐฏ์จารี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ และตนยังเป็นพยานเพียงปากเดียว