วันที่ 25 มิ.ย.2567 เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ทนายความชื่อดัง พร้อมด้วย นางชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.พสิษฐ์  เงินยวง รอง สว.(สอบสวน) กก.1.บก.ปอท. เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1.น้องไนซ์ เชื่อมจิต 2.กลุ่มแอดมิน จำนวน 60 คน และ 3.ทนายธรรมราช สาระปัญญา

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า การในวันนี้ก็เพื่อต้องการแจ้งความเอาผิดกับเด็ก 8 ขวบ , ทนายธรรมราช และแอดมิน 60 คน โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีใครแจ้งเอาผิดเด็กรายนี้ แต่เมื่อวานนี้เด็กคนดังกล่าวกลับไลฟ์สดขู่ว่าจะเอาพวกเราติดคุก วันนี้จึงตัดสินใจนำหลักฐานต่างๆ มาแจ้งความกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 กลุ่ม ใน 6 ข้อหา ตามพ.ร.บ.คอมฯ และ ตามประมวลกฎหมายอาญา,พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ,พ.ร.บ. ควบคุมการเรี่ยไร ,พ.ร.บ. ควบคุมการขอทาน และ ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร รวมทั้งหมด 19 กรรม

“ถึงแม้ว่าตามกฎหมายจะระบุว่าเด็กกระทำผิดไม่ต้องรับโทษ แต่ถ้าพบว่าพ่อแม่ของเด็กกระทำผิด ก็ต้องจับแยกออกจากกัน และเด็กต้องอยู่ในความคุ้มครองของเจ้าหน้าที่ พม.”นายอนันต์ชัย กล่าว

ด้าน นายแทนคุณ กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นที่ ทนายธรรมราช ออกมาเรี่ยไรเงินจากประชาชน ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อเอาเงินส่วนนั้นมาสู้คดีกับพวกตน มองว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดี โดยวันนี้ก็ได้นำหลักฐานส่วนนี้มาแจ้งความกับตำรวจ บก.ปอศ. ซึ่งเรามีหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นข้อมูลจากเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่สามารถอ้างได้ว่ามีการปลอมขึ้น เนื่องจากยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และ ในคอมเมนต์ใต้โพสต์เรี่ยไรเงินดังกล่าว ยังมีการระบุสลิปโอนเงินจากผู้บริจาค เป็นเงินจำนวน 0.99 บาท บ้าง 2 บาทบ้าง และสูงถึง 500 บาท ถึงบางยอดจะไม่ได้เยอะมาก แต่ก็ผิด พ.ร.บ.เรี่ยไร 

“นอกจากนี้ตนยังมีหลักฐานการเสียภาษีของบริษัท สำนักงานกฎหมายและทนายความของทนายธรรมราช โดยตั้งแต่เป็นทนายมายังไม่มีการเสียภาษีเลย จึงนำหลักฐานส่วนนี้มาให้ทาง ปอศ.ตรวจสอบ”นายแทนคุณ กล่าว

ส่วน นางชลิดา หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง กล่าวว่า เคยร้องเรียนให้สอบมรรยาททนายความ ของทนายธรรมราช ว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ โดยร้องเรียนไปตั้งแต่เดือน ธ.ค. 66 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ส่วนกรณีที่แม่เด็ก 8 ขวบเคยพูดว่า "รักน้องทำไมทำกับน้องแบบนี้"  ตนอยากบอกว่า เราสงสาร สงสารที่พ่อแม่ที่บอกว่ารักน้องทำกับน้องแบบนี้ ควรจะรักลูกให้ถูกทาง ตอนนี้พวกคุณกำลังทำร้ายเด็กคนนึงอยู่ และน้องมีอาการหนักขึ้นทุกวัน เราแค่อยากช่วยเด็กคนนึง ไม่มีวัตถุประสงค์ทำร้ายเด็กเลย "เราไม่ได้รัก เราแค่สงสาร เท่านั้นเอง" 

อย่างไรก็ตาม นายอนันตชัย กล่าวเสริมอีกว่า ตอนนี้ต้องขอบคุณ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ซึ่งตอนนี้พวกตนได้ฝากความหวังไว้ที่ บก.ปอท. ในเรื่องของคดี ทั้งนี้อยากฝากบอกว่า จากใจคนเป็นพ่อที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ ควรปรึกษายุวประสาท เป็นแพทย์เฉพาะทางให้ช่วยรักษาเด็ก และตัวแม่เองถ้ายอมมาสารภาพต่อสังคม ตนจะยอมถอนแจ้งความให้ในส่วนตนเอง เพื่อตัวของเด็กเอง และต้องสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก เพราะสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง  

ขณะที่ นายแทนคุณ กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของพัฒนาการของเด็ก8ขวบ  ควรจะต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพราะจากการไลฟ์สดสอนธรรม น้องนิ่งได้ไม่เกิน 3 นาที จากภาษากายค่อนข้างเครียด เหมือนจะต้องต้องทำตามคำสั่งให้เสร็จตลอด มีปัญหาทางพัฒนาการแน่นอน และ เด็กถูกใช้เป็นเครื่องมือตลาด สร้างสตอรี่ที่เป็นเท็จ ในอนาคตเด็กจะอยู่ยากมากๆ เป็นไปไม่ได้ถ้าจะไม่โดยทักจากคนภายนอก ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงพอถ้าโดนโจมตีในอนาคต ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการกระทำของผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่