เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 22.00 น. (11.00 น. ตามเวลากรุงวอชิงตัน) กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี ค.ศ. 2024 (2024 Trafficking in Persons Report: 2024 TIP Report) ซึ่งเป็นการจัดระดับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จำนวน 186 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ โดยในปีนี้ประเทศไทยยังคงได้รับการจัดระดับให้อยู่ในระดับ 2 (Tier 2) เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่น ความพยายาม แม้ว่าจะยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำ ทั้งนี้ จากรายงานดังกล่าวระบุถึงการดำเนินงานของประเทศไทยซึ่งสะท้อนถึงพัฒนาการสำคัญที่รัฐบาลไทยและภาคส่วนต่างๆ ร่วมกันดำเนินการ อาทิ การเพิ่มจำนวนการสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดี การเพิ่มการระบุตัวตนผู้เสียหายและการส่งต่อเพื่อรับบริการ การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และการระบุตัวตนผู้เสียหายที่เป็นแรงงานข้ามชาติได้เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น ตลอดจนศาลมีคำสั่งเรียกค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเพิ่มขึ้นและการเปิดศูนย์บูรณาการการคัดแยก (Victim Identification Centres)


นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการที่ยังไม่สอดคล้องตามมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐอเมริกา อาทิ ขาดความสม่ำเสมอและประสิทธิภาพในการสัมภาษณ์แรงงานระหว่างการตรวจแรงงาน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังมีความพยายามไม่เพียงพอในการคุ้มครองผู้เสียหายจากการถูกบังคับใช้แรงงาน โดยเฉพาะในกรณีการหลอกลวงธุรกรรมออนไลน์ (Online Scam) การกำหนดให้ผู้เสียหายชาวต่างชาติต้องพำนักในสถานคุ้มครองระหว่างการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งยังมีช่องว่างในการให้บริการของรัฐต่อผู้เสียหาย การทุจริตคอร์รัปชันและการมีส่วนเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่รัฐอันเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในภาพรวม เป็นต้น


นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า รายงานดังกล่าว สหรัฐอเมริกาได้มีข้อเสนอแนะที่สำคัญต่อการดำเนินงานของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวง พม. อาทิ การบังคับใช้กลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism : NRM) และระยะเวลาฟื้นฟูไตร่ตรอง (Reflection Period) อย่างเต็มที่  การกำหนดให้สถานคุ้มครองของรัฐและองค์กรที่ไม่ใช่รัฐ (NGOs) ดูแลผู้เสียหายโดยคำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจของผู้เสียหายและให้การดูแลผู้เสียหายรายบุคคล (Individualized Care) อย่างเพียงพอ การรวมแบบฟอร์มคัดกรองการบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานของกระทรวงแรงงาน และแบบคัดกรองของกระทรวง พม. ให้เป็นแนวทางเดียวกัน และการเพิ่มการใช้ล่ามและการเข้าถึงบริการล่ามแปลภาษาสำหรับให้บริการผู้เสียหายทั้งในสถานคุ้มครองและในกระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาล เป็นต้น