กำลังเป็นที่จับตาสำหรับกรณีแร็ปเปอร์ชื่อดัง "สไปร์ท ศุกลวัฒน์" ถูกต้นสังกัดเก่าฟ้องเรียกเงินกว่า 14 ล้านบาท โดยอ้างว่าผิดสัญญาว่าจ้างศิลปิน
ล่าสุดวันนี้ (24 มิ.ย.67) "ทนายเจมส์" -นิติธร แก้วโต ทนายความที่รับเรื่องดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ว่า "พ่อแม่ที่อยากจะพาลูกเข้าสู่วงการบันเทิงสอบถามว่า มีหลักการพิจารณาสัญญาว่าจ้างอย่างไร จึงจะไม่ถูกเอาเปรียบจากค่าย? "
โดย ทนายเจมส์ อธิบายว่า "หลักการพิจารณาง่ายๆ ครับ ตอนที่นัดคุยกับเรา ค่ายมักจะหวานล้อมต่างๆ นาๆ อ้างผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการบันเทิง หรือศิลปินดังๆ เพื่อเพิ่มเครดิตให้กับตัวเอง อ้างว่าจะทำอย่างนั้น อ้างว่าจะทำอย่างงี้ จะผลักดันอย่างนั้น อย่างนี้ จะพาเข้าช่องนั้น ช่องนี้ เพื่อให้เราตกลงอยู่ในสังกัดของค่าย
คราวนี้ …. ถ้าสิ่งที่พูดให้เราฟังในวันนั้น ค่ายไม่ใส่ไว้ในสัญญาว่าจ้างนักแสดง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยครับว่า อาจจะไม่ใช่ของแทร่ อาจจะเป็นมิจ.. ไม่ใช่มิตร ในอนาคตเตรียมปวดหัวไว้เลยครับ ไม่โดนโกงค่าตัว ก็โดนดองงาน
อย่าลืมว่า ศิลปินในสังกัด ค่ายไม่มีเงินเดือนให้นะครับ ถ้ามีงาน มีรายได้ ก็ต้องแบ่งกันตามอัตราส่วนที่ตกลง 10-30% ของรายได้นักแสดง ก็ว่ากันไป แต่ถ้าไม่มีงาน ก็กินแกลบกันไป
ถ้าเราหลวมตัวเซ็นสัญญาทาสไป และค่ายไม่ทำตามที่พูดค่ายก็ลอยตัวครับ เพราะว่าไม่ได้ใส่ข้อตกลงที่ได้พูดกันในวันแรกลงในสัญญาไว้ จะเลิกสัญญา ก็เลิกยาก เพราะไม่มีข้อตกลงใดๆ บังคับให้ค่ายต้องปฏิบัติตาม แต่ในส่วนของนักแสดงมีข้อตกลงที่จะต้องปฏิบัติมากมายละเอียดยิบ
หากนักแสดงอยากจะออกจากค่ายหรือย้ายค่ายใหม่ ก็ต้องจ่ายตังค์ค่าฉีกสัญญา ค่ายมักจะอ้างว่าลงทุนไปเยอะ (บางค่ายชี้แจงไม่ได้ว่าลงทุนอะไรไปบ้าง เป็นเงินเท่าไหร่ แต่อยากจะเอาค่ายกเลิกสัญญาเยอะๆ )
สุดท้าย เราก็ต้องจ้างทนาย เพื่อบอกเลิกสัญญา ซึ่งถ้าเราพิจารณาข้อสัญญาให้ดีตั้งแต่แรก จะเป็นการป้องกันปัญหาในอนาคตได้ดีกว่าครับ"
ขอบคุณ เพจ ทนายเจมส์ LK