อีเอสอาร์ กรุ๊ป (“อีเอสอาร์” หรือ “บริษัท” หรือ “กลุ่มบริษัท” ซึ่งรวมถึงบริษัทย่อย รหัสหลักทรัพย์ SEHK: 1821) ผู้นำด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์เพื่อเศรษฐกิจใหม่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ผู้นำด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินและบริหารอสังหาริมทรัพย์กลุ่มเศรษฐกิจใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ ฮาร์แมน อินเตอร์เนชั่นแนล (“HARMAN”) ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และเครื่องเสียงชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา ร่วมพิธี Groundbreaking โครงการการลงทุนใหม่ภายในโครงการ อีเอสอาร์ เอเชีย แหลมฉบัง พร้อมขานรับนโยบายของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มุ่งให้ไทยก้าวสู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไฮเทค
ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ อีเอสอาร์และฮาร์แมน มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายกิจกรรมทางธุรกิจในไทย พัฒนาฝีมือแรงงานท้องถิ่นและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในประเทศ โดยจะร่วมกันสร้างโรงงานผลิตขั้นสูงที่มีการออกแบบพิเศษมาโดยเฉพาะ บนพื้นที่ขนาดราว 47,000 ตารางเมตรโดยเมื่อแล้วเสร็จในปี 2568 จะประกอบไปด้วยสายการประกอบการผลิต (Assembly Line) หลายสาย พื้นที่สำนักงาน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับพนักงานราว 1,200 คนในระยะเริ่มต้น
การก่อสร้างโครงการแบบ Built-to-Suit นี้ สอดคล้องกับข้อกำหนดของฮาร์แมน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เพื่อให้โรงงานสามารถผลิตโซลูชันส์ชั้นสูงสำหรับยานยนต์ โดยโซลูชันส์ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทยจะรวมถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องเสียงต่าง ๆ สำหรับยานยนต์ เพื่อป้อนสู่ผู้ผลิตรถในไทยและต่างประเทศ
โรงงานดังกล่าว ตั้งอยู่ภายในโครงการอีเอสอาร์ เอเชีย แหลมฉบัง บนทำเลยุทธศาสตร์และเป็นส่วนหนึ่งของเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ช่วยให้สามารถตอบสนองด้านอุปทานและการค้าได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น โดยตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังหรือท่าเรือหลักสำหรับการนำเข้า-ส่งออกเพียง 15 นาทีเท่านั้น
อีเอสอาร์ ออกแบบโรงงานของฮาร์แมน ตามแนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียวของประเทศไทย รวมถึงเรื่องควารมปลอดภัย โดยใช้มาตรฐานของ FM Global ซึ่งเป็นมาตรฐานในการป้องกันความเสี่ยงและความเสียหาย ในการประกันภัยที่เข้มงวดอย่างมากในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าที่จะขอรับการรับรองอาคารสีเขียวในระดับ Gold ตามเกณฑ์ Leadership in Energy and Environmental Design (“LEED”) ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ด้านความสำเร็จและความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนที่ได้รับความเชื่อถือจากทั่วโลกอีกด้วย
ทุกๆสินทรัพย์ของอีเอสอาร์ในประเทศไทย ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงมนุษย์เป็นศูนย์กลาง รองรับการผลิตพลังงานหมุนเวียน ใช้พาหนะไฟฟ้าในการขนส่งและโลจิสติกส์ นอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์มาตั้งแต่แรกเริ่มเพราะความพิถีพิถันในการออกแบบ โดยเน้นสร้างประโยชน์ให้แก่ทั้งลูกค้า คนงานและพนักงาน
นายเจ เมียร์ปูริ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของ อีเอสอาร์ กรุ๊ป กล่าวว่า “เรายินดียิ่งที่ฮาร์แมนเลือกให้เราเป็นพันธมิตรในการพัฒนาโรงงาน และให้โอกาสเราได้ใช้ความชำนาญในพื้นที่และความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติการ เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของฮาร์แมนในประเทศไทย เราเห็นว่าโครงการนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นตั้งใจของเราที่จะสร้างงานสร้างอาชีพ แบ่งปันความรู้ ยกระดับฝีมือแรงงานของคนไทย และส่งเสริมด้านโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศไทย การลงทุนและร่วมมือกันในครั้งนี้ ช่วยสนับสนุนการยกระดับประเทศไทย สู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไฮเทค และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปได้ โดยการสร้างสรรค์พื้นที่และโซลูชันส์ด้านการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมายของเราที่จะเป็นผู้พัฒนาและจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ลูกค้าและนักลงทุนทั่วโลกไว้วางใจอีกด้วย”
นายสยาม ทองกระบิล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย ของ อีเอสอาร์ กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือระหว่างอีเอสอาร์และฮาร์แมน มีความสำคัญต่อชุมชนท้องถิ่น เรากำลังแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมในเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Thailand Vision 2030 ตลอดจนความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่จะยกระดับให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลกและขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยเน้นให้ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยว สุขภาพและการแพทย์ อาหาร การบิน การผลิตยานยนต์สมัยใหม่ เทคโนโลยีและการเงิน นอกจากนี้แล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ยังช่วยเสริมพลังให้อีเอสอาร์พร้อมจะผลักดันให้ไทยเติบโตมากยิ่งขึ้นด้วย”
โดยฮาร์แมนจะเข้ามาเป็นเพื่อนบ้านของแอดวานซ์ เอนเนอร์จี บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ณ อีเอสอาร์ เอเชีย แหลมฉบัง โดยคาดว่าการก่อสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์หรือสารกึ่งตัวนำระดับแฟล็กชิปของแอดวานซ์ เอนเนอร์จี จะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ของปีนี้ ปัจจุบัน สินทรัพย์ภายใต้การบริหารงานของอีเอสอาร์ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมเกือบ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ เจ็ดพันสามร้อยห้าสิบล้านบาท) และมีพื้นที่รวมราว 130,000 ตารางเมตร (นับรวมพื้นที่ทั้งในโครงการที่เสร็จสมบูรณ์แล้วและยังพัฒนาอยู่) จาก 3 โครงการ ได้แก่ “อีเอสอาร์ เอเซีย สุวรรณภูมิ” “อีเอสอาร์ เอเซีย แหลมฉบัง” และ “อีเอสอาร์ เอเซีย บ่อวิน” ทั้งนี้ อีเอสอาร์มีเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่ด้านโลจิสติกส์และสินทรัพย์อุตสาหกรรมในประเทศไทยจนครอบคลุมราว 2 ล้านตารางเมตรภายในปี 2571 โดยจะคิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ สามหมื่นหกพันหกร้อยเจ็ดสิบห้าล้านห้าแสนบาท)