เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 22 มิ.ย.67 นางวิลาวัณย์ อายุ 66 ปี พร้อมบุตรชายคือนายนรภัท หรือกัน อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะวิศวะกรรม ปี 3 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านถนนวิภาวดี กรุงเทพ นำหลักฐานเอกสารต่างๆรวมทั้งสมุดบัญชีเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี หลังนายนรภัท ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้มุกเดิมอุบายเดิมหลอกให้โอนเงิน จำนวน 11,000 บาท โดยอ้างว่านายนรภัท มีการทำธุรกรรมการเงินพัวพันกับแก๊งสีเทาให้โอนเงินไปให้ตรวจสอบมิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้เสียหายเองรู้สึกกลัวจึงได้ทำตามที่แก๊งมิจฉาชีพบอกและสูญเงินไปดังกล่าว
นายนรภัท หรือน้องกัน เล่าด้วยเสียงอันสั่นเครือน้ำตาคลอว่า ก่อนมาแจ้งความมิจฉาชีพได้โทรเข้ามาหาตนอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ AIS บอกว่าตนไปเปิดเบอร์ที่ศูนย์ AIS โรบินสัน ราชบุรี และมีหัวหน้านิติกร AIS สำนักงานใหญ่ฯ ชื่อ นส.รัชนีกร ลาสาคู โดย น.ส.รัชนีกร แนะนำตนว่าให้ไปแจ้งความที่ สภ.ที่เกิดเหตุ คือ สภ.เมืองราชบุรี ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นก็โอนสายตนไป สภ.เมืองราชบุรี ให้เจ้าหน้าที่ชื่อ ร.ต.อ.หญิง ปนัดดา รับสายและบอกตนไปแอบอ้างเปิดซิมโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ร.ต.อ.หญิง ปนัดดา จึงบอก ID Line ที่แอบอ้างว่าเป็น สภ.เมืองราชบุรี ให้กับตน ตนจึงกดเข้าไปแล้วจากนั้น ร.ต.อ.หญิง ปนัดดา ก็โอนสายตนให้ตำรวจชายอีกคน ยศ ร.ต.อ. โดยการเปิดกล้อง VDO Call กับตำรวจรายนี้ เขาใส่เครื่องแบบตำรวจ ใส่แว่น ใส่แมสก์ นั่งบนเก้าอี้ฉากหลังเป็นโลโก้ของตำรวจ ตนจึงเชื่อว่าเขาเป็นตำรวจจริง จากนั้นเขาก็ถามข้อมูลจากตนตามปกติ เช่น นำเลขบัตรประชาชนไปเผยแพร่ให้ใครรึป่าว พอถามเสร็จ ก็ส่งเรื่องของตนให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นฝ่ายตรวจสอบ โดยฝ่ายตรวจสอบพบว่าตนไปมีส่วนกับคดีฟอกเงิน ของ นายกำพล มั่งมี ซึ่งถูกจับกุมแล้ว และตรวจสอบพบสมุดบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของตนเป็นบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาบางกรวย เขาก็ส่งรูปสมุดบัญชีมาทางไลน์ให้ตนๆบอกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่เคยไปเปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย สาขาบางกรวยเลย และเขาก็ถามอีกว่ารู้จักนายกำพล มั่งมี หรือไม่ ซึ่งตนบอกไปว่าไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จัก และที่สำคัญไม่เคยขายสมุดบัญชีให้นายคนนี้เลย โดยตำรวจเขาก็ดูพูดเหมือนว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาบอกตำรวจไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายกำพล แล้วก็ให้ตนหยิบกระดาษ A4 แล้วเขียนเป็นใบแจ้งความ ลงวันที่ และถ่ายรูปบัตรประชาชนของตนกับคุณแม่ ถ่ายส่งให้เขาทางไลน์ของ สภ.เมืองราชบุรี
นายนรภัท หรือน้องกัน กล่าวต่ออีกว่า จากนั้นตำรวจชายก็โอนสายให้ ร.ต.อ.หญิง ปนัดดา VDO Call โดยต้องเห็นตนกับคุณแม่ จะมีการบันทึกเสียงตลอด เพื่อสอบปากคำ ซึ่งตนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เมื่อสอบปากคำเสร็จ ร.ต.อ.หญิง ปนัดดาได้บอกสคริปให้ตนและพูดกับคนที่อ้างว่าเป็น ผกก.สภ.เมืองราชบุรี ตามสคริป โดยเขาก็ให้ตนกับแม่ดูสมุดบัญชีธนาคารของตนเองและบอกยอดเงินคงเหลือของทุกบัญชีให้เขาทราบ และอยากรู้จำนวนเงินสดที่ตนกับคุณแม่มีอยู่ในตอนนี้มีเท่าไหร่ ต่อมาเขาก็ส่งหมายศาลปลอมหมายจากตำรวจส่งมาทางไลน์ มาให้ตนดูและพยายามบอกว่าให้เราเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ตนจึงโอนเงินตนให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีอยู่ในบัญชี 11,000 บาท เป็นเงินที่ตนสะสมมาเกือบปี ใช้ด้วยความมัธยัสถ์เพราะคุณพ่อคุณแม่ให้มาวันละ 100 บาท มีเงินเก็บอยู่เท่านี้จึงโอนให้มิจฉาชีพไป หลังจากนั้นเขายังบอกให้ตนโอนเงินจากบัญชีของคุณแม่อีก 19,000 บาท ให้เขาในเบื้องต้นรวมเป็นเงิน 30,000 บาท ทางคุณแม่เอะใจ จึงได้ปรึกษากับญาติๆ และเชื่อแน่ว่าถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง จึงได้เดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอให้ช่วยติดตามเงินที่ถูกหลอกไปในครั้งนี้ด้วย ตนเคยเห็นแต่ข่าวในทำนองนี้แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเองมิจฉาชีพพูดจาน่าเชื่อถือทำกันเป็นขบวนการ "ก็อยากฝากบอกเขาว่าอย่าไปทำแบบนี้กับใครเลย เงินทุกบาททุกสตางค์กว่าทุกคนจะหามาได้มันลำบากมาก"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในช่วงเพียงไม่ถึง 1 เดือน มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ใช้อุบายมุกเดิมแบบเดิมแอบอ้างกับเหยื่อว่าไปพัวพันกับธุรกิจสีเทา ก่อนจะใช้วิธี VDO Call ใส่ชุดตำรวจหลอกเหยื่อจนตายใจ เกิดความกลัวและหลงเชื่อจนต้องโอนเงินให้ โดยก่อนหน้านี้ก็หลอกเงินจากคุณตาวัย 81 ปี ไปแล้ว 22 ล้านบาท จากนั้นก็มีผู้เสียหายเป็นสาวสวยทำงานแอร์โฮสเตสสายการบินชื่อดังสูญเงินไปอีก 200,000 บาท จนกระทั่งในแต่ละวันมีเหยื่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกหลอกลวง ในทำนองนี้มาแจ้งความที่โรงพักในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี วันหนึ่งๆนับสิบๆราย จนกระทั่งล่าสุดนายนรภัท นักศึกษาหนุ่ม คณะวิศวกรรม ปี 3 มหาวิทยาลัยชื่อดังก็ตกเป็นเหยื่อรายล่าสุด