เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยกับเศรษฐา” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย โดยนายกฯ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน กางเกงสแล็ค ในลุคสบายๆ ซึ่งมีนายธีรัตนถ์ รัตนเสวี เป็นผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้นายกฯ กล่าวว่า ถึงจุดมุ่งหมายของการจัดรายการว่า รัฐบาลปัจจุบัน ทุก ๆ กระทรวง ทบวง กรม รัฐมนตรีทุกคนได้ทำงานกันหนักมาก และยังไม่มีช่องทางที่นอกเหนือจากมีผู้สื่อข่าวมาสัมภาษณ์ ไม่มีช่องทางที่จะสื่อสารถึงประชาชนโดยตรง เพื่ออธิบายให้ฟังว่ารัฐบาลทำอะไรกันไปแล้ว และแผนงานระยะยาวคืออะไร อย่างน้อยก็จะได้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่
เมื่อถามว่า 10 เดือนที่ผ่านมาที่นายกฯ เคยบอกแต่วันแรกว่า จะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นายกฯ เหนื่อยบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงจะโกหก ตนว่ารัฐมนตรีทุกท่านก็ทำงานกันหนัก มีทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และเชื่อว่าทุกท่านแบกภาระหนักหน่วงนี้อยู่เยอะ ซึ่งตนคงพูดแทนท่านอื่น ๆ ไม่ได้ ถ้าถามตนว่าเหนื่อยนอนคืนเดียวก็หาย แต่เราเสนอตัวเข้ามาทำงานทางด้านสาธารณชนแล้ว ถือว่าเรื่องที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องของความเดือดร้อนของประชาชน เราเหนื่อยเท่าไร ตนเชื่อว่าหลาย ๆ คน ที่อยู่ที่ฐานรากของสังคมเขาเหนื่อยเยอะกว่าเยอะ ชีวิตของตนที่ทำงานมาเกือบ 40 ปีตลอดระยะเวลาทำงานมา ตนยึดมั่นในสองวินัย คือมีวินัยในการทำงานและทำงานให้หนัก แต่ก็ต้องดูแลสุขภาพ หลับนอนก็ต้องให้เพียงพอ
เมื่อถามว่า ในการลงพื้นที่แม้ไม่มี สส. ของพรรครัฐบาลก็ตาม มีแนวทางในการลงพื้นที่อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนมาในฐานะนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหลัก และเป็นพรรคที่สนับสนุนตนมาตลอด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของพรรคพลังประชารัฐ ของพรรคภูมิใจไทยด้วยเหมือนกัน เพราะว่าทุกคนคือประชาชนคนไทย ซึ่งนายกฯ ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ มีหน้าที่ต้องดูแล ตนเชื่อว่าการทำงานที่ผ่านมาโดยตลอด ให้ความมั่นใจได้ว่า ตนไม่ได้เลือกจังหวัดลงพื้นที่
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องแนวทางในการลงพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องยอมรับว่า ตนมีต้นทุนที่เป็นรองนักการเมืองหลาย ๆ ท่าน ที่ท่านเติบโตมาจากการเมืองตั้งแต่อายุ 30 กว่า ทั้งนี้ตนพึ่งเข้าสู่สนามการเมืองและสนใจการเมืองช่วง 3-4 ปีทีผ่านมา การลงพื้นที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับมือใหม่อย่างตน เพราะว่าไม่ได้ไปคลุกคลีกับประชาชน เท่ากับนักการเมืองที่อยู่ในการเมืองมานาน เพราะฉะนั้นการที่ต้องลงพื้นที่เยอะจะต้องการเข้าใจถึงปัญหาจริง ๆ ไม่ใช่ฟังแต่รายงานที่มาจากกระดาษ
เมื่อถามถึง การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) เพื่อนำปัญหาที่เกิดขึ้นไปคุยกันและแก้ปัญหา นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ใช่เป็นความลับอะไร ตนเชื่อว่านายกฯ หลาย ๆ ท่าน ก็ทำอยู่แล้ว เรื่องการมี ครม.สัญจร แต่รายละเอียดแตกต่างกันไปบ้าง แน่นอนการที่ ครม.ทั้งคณะลงไปจังหวัดไหน พื้นที่ไหน ตนเชื่อว่าก็จะมีการตื่นตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครม.สัญจรนัดแรก ตนเลือกไปจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นจังหวัดที่จีดีพีต่ำที่สุด เป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุด ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้ การที่ลงพื้นที่จังหวัดข้างเคียงก็มีความสำคัญ เพราะรู้อยู่แล้วว่าทุก ๆ จังหวัดมีความต้องการความช่วยเหลือในหลาย ๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือเรื่องการเกษตร เรื่องน้ำ น้ำท่วม น้ำแล้ง
นายกฯ กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ถือเป็นการมอบอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตนเชื่อว่าการลงหน้างานมีส่วนช่วยเหลือ ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้น แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใดไม่ได้ไปคนเดียว ทั้งคณะรัฐบาลไปหมด ทุกกระทรวง ทบวง กรม ไปหมด มีการกำหนด KPI ชัดเจนว่ามีอะไรบ้าง และเป็นการสร้างความคาดหวังให้ประชาชนในครั้งต่อไป ว่าถ้าครม.มา จังหวัดข้างเคียงจะได้อะไรบ้าง
นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่แต่ครั้งต้องแบ่งเป้าหมายเป็น 2 - 3 อย่าง หนึ่ง ในแง่ของมวลชน ต้องมีการพบปะมวลชน เพราะต้องการจะได้เห็นจริงๆว่าในสายตาของเขามีความทุกข์ยากมากน้อยขนาดไหน เรื่องบ้างเรื่องที่เขาร้องเรียนมา บางทีเขาร้องเรียนมาแล้วตนไม่ได้ยิน เพราะถูกกันออกไป ตนก็อยากไปได้ยินเองเวลาไปลงพื้นที่ว่าเขาพูดเรื่องอะไรกันบ้าง ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่เราจะรับฟังได้โดยตรง โดยไม่มีการกีดกันเลย การได้พบข้าราชการก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะว่าไม่ฉะนั้นโอกาสที่จะได้พบกับข้าราชการฝ่ายปกครองก็น้อย ได้พบกับนายอำเภอ ได้พบกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดต่างๆ ตนเองเชื่อว่าเป็นอะไรที่ให้ความรู้กับทั้งกับตนและรัฐมนตรีหลายๆท่านในหลายๆเรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของรายการนายกฯได้นำผลิตภัณฑ์ เช่น ผ้าขาวม้า กระเป๋ากระจูด ผ้าลายเพ็ชรราชวัตร ที่ประชาชนมอบให้และนายกฯได้นำไปใช้ที่ต่างประเทศมาโชว์ด้วย