พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเตรียมจะขอออกจากราชการก่อนการเกษียณอายุราชการในปีหน้าหรือ Early retired ว่า เนื่องจากเป็นโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้นายตำรวจสมัครใจที่จะออกจากราชการก่อนการเกษียณอายุราชการ ซึ่งอาจจะได้รับการเลื่อนยศให้สูงขึ้นเป็นกรณีพิเศษหากเข้าเงื่อนไขตามที่กำหนด 

โดยในส่วนของตนนั้น จะเกษียณอายุราชการในปีหน้า และตามเงื่อนไขของโครงการนี้ ตนจะได้รับการเลื่อนยศเป็นพลตำรวจเอก ถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของตำรวจทุกนายก่อนอำลาราชการที่จะได้ครองยศสูงสุด ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสเดียวที่ตนจะตัดสินใจที่เข้าร่วมโครงการนี้ มิเช่นนั้น หากตนยังคงรับราชการต่อไปจนเกษียณอายุราชการในปีหน้า ก็จะยังคงอยู่ที่ตำแหน่งผู้บัญชาการยศพลตำรวจโทจนอำลาราชการ โดยจะไม่มีโอกาสได้ครองยศพลตำรวจเอกในชีวิตราชการอีก 

ทั้งนี้ ตนยังมีเวลาในการปรึกษาหารือกับครอบครัว ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อนร่วมงานว่าจะตัดสินใจอย่างไร เบื้องต้นพูดคุยกับครอบครัวแล้ว ครอบครัวไฟเขียวในเรื่องนี้และยังไม่มีใครคัดค้าน 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับศึกสองนายพลในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายกรัฐมนตรีเคยกำชับการทำงานของตำรวจไซเบอร์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาตำรวจไซเบอร์ทำงานในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเต็มที่อยู่แล้ว 

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า สำหรับโครงการ Early retired ที่ทาง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ประสงค์ที่จะเข้าร่วมออกจากราชการก่อนเกษียณอายุราชการนั้น คือโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพลรุ่นที่ 25 ปีงบประมาณ 2568 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกำหนดเงื่อนไขให้ตำรวจเข้าร่วมโครงการ ต้องมีคุณสมบัติอายุ 50 ปีขึ้นไปหรือมีอายุราชการตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งตำรวจที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ ต้องเสนอชื่อไปยังผู้บังคับบัญชาภายในวันที่ 7 กรกฎาคม 2567 เมื่อพิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับการอนุมัติให้ออกจากราชการภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 

ทั้งนี้ ยังได้กำหนดบำเหน็จบำนาญให้แก่ข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมโครงการในการเลื่อนชั้นยศให้สูงขึ้น 1 ชั้นยศเป็นกรณีพิเศษ หากได้ครองยศเดิมเกิน 1 ปีหรือตามระยะเวลาที่กำหนดในเงื่อนไข ซึ่งในส่วนของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ นั้น ได้ครองยศพลตำรวจโทมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงเข้าเงื่อนไขที่จะได้รับการเลื่อนยศขึ้นเป็นพลตำรวจเอกได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวตามที่เปิดเผยกับสื่อมวลชน