ต้องยอมรับว่า “ศูนย์บัญชาการ” แห่งอำนาจทั้งในส่วนของ “พรรคเพื่อไทย” และยังน่าจะรวมไปถึง “ทำเนียบรัฐบาล” ยังคงยึดโยง รอสัญญาณ จาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เช่นเดิม และดูเหมือนว่ายิ่งนานวันยิ่งชัดเจนว่า “รัฐมนตรี” สายตรง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งพากันเข้านอก ออกในทำให้บ้านจันทร์ส่องหล้า ย่านบางพลัด คึกคักยิ่งนัก

ก่อนหน้าวันที่ 18 มิถุนายน 67 ที่ผ่านมา ก่อนที่ทักษิณจะเดินทางไปยังศาลอาญาในฐานะ “จำเลย” คดีความผิดตามมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่ออัยการสูงสุด นำส่งฟ้องศาล ใช่ว่าจะไม่มีความเคลื่อนไหว ขึ้นที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หากไม่นับกรณีที่สื่อไปเฝ้ารอสังเกตการณ์ ปรากฏว่ามี “รัฐมนตรีเศรษฐกิจ” เข้าพบทักษิณ ทั้ง “พิชัย ชุณหวชิร”  รองนายกฯและรมว.คลัง พร้อมด้วย “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง 

ซึ่งเป็นการเข้าพบก่อนที่ จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 เมื่อวันที่ 19-21 มิ.ย.ที่ผ่านมา  แต่ทั้งพิชัย และเผ่าภูมิ ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆกับสื่อว่าไปพบทักษิณ เรื่องอะไร

ถึงกระนั้นการที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ของรัฐบาล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น คนของพรรคเพื่อไทย และมาจากสายตรงทักษิณ เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้ายังไม่ใช่วาระที่จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาล “เศรษฐา 1/1” ได้แต่อย่างใด โดยเฉพาะเวลานี้ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ราคาข้าวของแพงขึ้น โรงงานอุตสาหกรรมทยอยปิดลง ส่งผลให้มีแรงงานว่างงานอย่างต่อเนื่อง โดยที่ “ภาคธุรกิจ” ได้แสดงความเป็นห่วง

แม้พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีของพรรคจะปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ทั้งการเมืองและการบริหารของรัฐบาล ล้วนไม่เกี่ยวกับทักษิณ แต่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อเช่นนั้น !

อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่ศาลอาญา มีคำสั่งให้ประกันตัวทักษิณ แม้จะมีการวางเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ยึดหนังสือเดินทาง ก็ตามที แต่น่าสนใจว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ กลับไม่ได้ทำให้หลายคนมองว่า ทักษิณ ถูกต้อนให้เข้าสู่ “มุมอับ” แต่อย่างใด  เพราะการที่ทักษิณ ได้รับการประกันตัว ในคดีม.112 จะยิ่งทำให้ เป็นการส่งสัญญาณว่าการเคลื่อนไหวทางการเมือง จากนี้จะยิ่งมีขึ้นต่อเนื่อง และยังจะกลายเป็นการท้าทายทั้งฝ่ายตรงข้ามและกระบวนการยุติธรรม

ส่วนจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อม กระทบไปยัง “ศัตรู” ที่เห็นกันซึ่งหน้า อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงขั้นตามเช็กบิลหรือไม่ คือประเด็นที่ต้องติดตาม เพราะอย่าลืมว่า ทักษิณ พูดพาดพิง ยิงตรงไปถึงพล.อ.ประวิตร เจ้าของบ้านป่ารอยต่อฯ และการเคลื่อนไหว “ล้มนายกฯเศรษฐา”  ที่มาจาก “กลุ่ม 40สว.” ยังถูกเชื่อมโยงว่ามีบิ๊กป้อม เกี่ยวข้อง

ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ไม่ออกมาตอบโต้ใดๆ จะมีก็เพียงบอกกับคนใกล้ชิด ว่า “ช่างมัน” ไม่สนใจ แต่จนถึงนาทีนี้ กลับพบว่า “ข่าวลือ” เรื่องจะ “เอาคืน” บิ๊กป้อม ด้วยการ “บีบ”  พรรคพลังประชารัฐ ให้พ้นรัฐบาล ยังคงเป็นข่าวลือที่สะพัดไม่เลิกรา โดยล่าสุดมีรายงานว่าหากจะปรับกันออกจากครม.จริงๆ รัฐมนตรี “สายตรง” บิ๊กป้อม น่าจะถูกบีบก่อนเป็นลำดับแรก ๆ

การเคลื่อนไหวของทักษิณ หลังได้รับการประกันตัวจากคดี ม.112 ครั้งนี้ กำลังทำให้ถูกจับตาว่านอกจาก “ดีลลับ” ยังแข็งแรงดีอยู่แล้วนั้น ยังมีอะไรที่ ทักษิณ ต้องการแล้วยังไม่ได้อีกหรือไม่ ?