ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต

“ชีวิตของคนเราทุกคน ย่อมหนีไม่พ้นอุปสรรคที่โหมกระหน่ำเข้าทดสอบความอดทนแห่งการดำรงอยู่ของเรา..มันอาจคืออุปสรรคที่ยากลำบากที่ชีวิตประจำวันต้องเผชิญหน้า..หรืออาจมาจากสิ่งที่อยู่เหนือการการคาดคิดที่แฝงเร้นโจมตีอยู่ในนามของชะตากรรม..ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนต่างมีความหมายแห่งบทบาทภายในให้ได้สืบค้น..เป็นร่องรอย อันก่อเกิดจากร่องรอยของอารมณ์ที่อยู่เหนือการควบคุม เหตุนี้ชีวิตทุกๆชีวิตจึงจต้องพยามทำความเข้าใจถึงเหตุแห่งผลแห่งการก่อเกิดนี้ และสมควรจะต้องพิจารณาถึงทางออก อันเป็นคุณประโยชน์ต่อตัวตนของจิตวิญญาณแห่งตนให้จงได้..”

เสี้ยวความคิดแห่งแก่นสารสาระของหนังสืออันมีค่าต่อการเรียนรู้วิธีการทะนุถนอมและผ่อนปรนความเครียดของชีวิตให้กลับคืนสู่ความอ่อนโยนอย่างรู้เท่าทันดังกล่าวนี้..คือสายทางแห่งการเรียนรู้ของ “ผ่อนคลายกับชีวิตบ้าง ..แล้วเธอจะชอบตัวเอง”หนังสือที่นำให้ทุกๆชีวิตได้สัมผัสกับ สัมผัสลึกแห่งค่าความหมายของตัวเองอย่างลึกซึ้งด้วยการเฝ้าฝึกฝนชีวิตและปฏิบัติตามด้วยพื้นฐานแห่งคุณค่าของความเข้าใจอย่างเต็มใจ..

“สิ่งที่เรียกว่าคุณค่า..ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นกำหนด แต่เป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่แรกแล้ว..”

“โคเซโกะ โนบุยุกิ” ..เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอย่างมีทิศทางแห่งการสอนสั่งชีวิต .มันเป็นข้อชี้แนะเชิงประจักษ์ที่คนเราต้องใคร่ครวญและก่อเกิดสำนึกคิดขึ้นมาในเชิงปฏิบัติ..35 ข้อแนะนำแห่งจิตใจของเขาล้วนมีพลังต่อความรู้สึกที่จะก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างเข้าใจและมั่นใจ...มันจึงคือคุณค่าแห่งการสร้างนัยความหมายในเชิงปฏิบัติอันหลากหลาย..อย่างยิ่ง..

 .... “สนใจใน “ปัจจุบัน” แทน “อดีต” ที่เคยทำพลาด”..

เมื่อเราโยนความกดดัน ผิดหวังและความคาดหวังทิ้งไปชั่วคราว..เราก็ย่อมจะจะได้ผ่อนพักจากปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้า..นั่นหมายถึงว่าเราจะได้มีเวลาทำให้ตัวเองได้มีโอกาสผ่อนคลาย...ว่ากันว่า..ด้วยเหตุนี้..จิตใจที่ผ่อนคลายก็จะ “นุ่มฟูและพองโต” กระทั่งสามารถที่จะค้นพบพื้นที่ที่เราสบายใจ  จนได้เป็นตัวของตัวเองในแบบที่เราชอบที่สุด..จากคำแนะนำดีๆของ “โนบุยุกิ” ผู้เชี่ยวชาญด้าน “จิตเวช” ชื่อดังของญี่ปุ่น..

“จงเตรียมรับมือแบบเร่งด่วนเมื่ออารมณ์พลุ่งพล่าน..จงหลับตาแล้วนับหนึ่งถึงห้า..จากนั้นให้เอามือลูบอกแล้วหายใจเข้าลึก..ช้าๆ..” หนังสือ ..แบ่งออกเป็น 3 หมวดกล่าวคือ...หมวดที่ 1..ได้กล่าวถึง “ความสับสนในทางเลือกของตัวเอง”..ที่เน้นถึง..การเอาแต่คิดว่าตนเองไม่มีคุณค่า..มีบางคนอาจรู้สึกทุกข์เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีคุค่า...จึงต้องพยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา..การกระทำดั่งนี้ย่อมทำให้เรา..คิดอยู่ตลอดเวลาว่า..เมื่อหยุดสร้างคุณค่า..ตนเองจะกลายเป็นคนที่ไม่พัฒนา..แต่ “โนบุยุกิ” กลับบอกกับทุกคนว่า..การมีประโยชน์หาได้สำคัญเท่ากับการมีคุณค่า “คุณค่าคือสิ่งที่ติดตัวเเรามาตั้งแต่แรกแล้ว”...ให้ลองนึกดูว่า .. สมมติว่าเราได้ลุกให้คุณลุงคนหนึ่งนั่งบนรถไฟ ..แล้วคุณลุงคนนั้นได้ยิ้มออกมา นั่นย่อมแสดงว่าเรามีประโยชน์ต่อคุณลุง แต่ถ้าเป็นไปในทางตรงข้ามคือคุณลุงไม่ได้ยิ้ม เพราะไม่ชอบถูกปฏิบัติอย่างคนแก่ นั่นก็ย่อมแสดงว่า..เราไม่ได้ประโยชน์อะไร ...หรือว่าเราไม่ได้ทำประโยชน์อะไร .!

เหตุนี้ ประโยชน์ของงการกระทำในแต่ละครั้ง..จึงขึ้นอยู่กับบริบทนานาอันอาจจะเกิดขึ้นได้ .เพราะคุณค่าของเราไม่ได้เกิดขึ้นจากมุมมองของคนอื่น ..แต่มันจะเกิดขึ้นเพราะตัวของเราเอง ..เนื่องเพราะคนเราทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเอง โดยมิต้องพึ่งพิงการกระทำหรือผลลัพธ์ใดๆ.. “เรามักมองไม่เห็นความสำเร็จบางอย่างของตนเอง จนเผลอโทษตัวเองเป็นประจำ..ลองตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีเอาไว้บ้าง..!”

หมวดที่ 2...หนังสือได้แสดงถึง.. “ความเครียดจากคนอื่น” อันหมายถึงความเครียดที่เครียดจนไม่รู้จะทำอย่างไร..จนมีส่วนทำให้สมองตื้อไปหมด..ไปไหนมาไหนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี..เปรียบดั่งลูกโป่งที่กำลังถูกบีบ..ถ้าเราขืนไม่ปล่อยลมมันออกไปบ้าง..วันหนึ่งก็จะต้องระเบิดออกมาอย่างแน่นอน..หลายคนอาจคิดว่าความเครียดเป็นความทุกข์ แต่จริงๆแล้วความเครียดเป็นยิ่งกว่านั้น..บางครั้งความดีใจหรือความพอใจใดๆก็สามารถสร้างความเครียดขึ้นมาได้ ...อาจจะเป็นเพราะว่า โดยธรรมชาติ จิตใจที่อ่อนไหวคือจิตใจที่เข็มแข็ง"เหมือนธรรมชาติของสนหรือหลิวที่เข้มแข็งเสมอไม่ว่าในยามต้องพายุหรือยามถูกกระทบกระเทือนใดก็ตาม..

“โนบุยุกิ” ได้แนะนำวิธีขจัดความเครียดออกเป็น 4 วิธีซึ่งล้วนแต่น่าสนใจ..ประกอบด้วย..ควรเขียนรายงานสิ่งต้องทำพร้อมจัดลำดับความสำคัญในแต่ละอย่าง/กระจายงานให้คนอื่นบ้าง อย่าแบกรับไว้คนเดียว/ต้องเลือกทำงานที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพใจและกายใจก่อน../และ..แตกและแยกงานใหญ่ลงเป็นงานย่อยๆ..จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยใจและท้อแท้.. ส่วนในหมวดที่ 3.. “โนบุยุกิ” ได้ระบุถึง “ภาวะเหนื่อยใจในเวลาที่ต้องทำงานกับคนไม่ชอบ”..เอาไว้ในหลายประเด็นความคิดเห็น..อันได้แก่....เคารพจุดยืนของอีกฝ่าย แม้จะเห็นต่างความเห็นต่าง...ก็ควรแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ/ตั้งใจฟังเรื่องสำคัญของอีกฝ่าย..ไม่พูดแทรก มองตา แสดงท่าทีสนใจ/ไม่แสดงท่าทีเย็นชาหรืออคติให้เห็นชัดๆ พยายามเปิดใจ คุยกันด้วยความจริงใจ/กล่าวขอบคุณและขอโทษอยู่เสมอ รู้จักขอโทษเมื่อทำผิด รู้จักขอบคุณเมื่อได้รับความช่วยเหลือ/เว้นระยะห่างให้..คนอื่นมาแทนถ้าทำได้..ไม่จำเป็นต้องเข้าหาทุกคน..รู้จักให้เวลาและพื้นที่ส่วนตัว/ไม่นินทา..ให้คนอื่นฟัง พูดแต่สิ่งดีๆ รู้จักเก็บความลับ/..ประเด็นโดยรวมทั้งหมด..ของพฤติกรรมทั้งสามแสดงถึงว่า..พฤติกรรมเหล่านี้จะเกื้อกูลต่อตัวเราเอง..ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่และเป็นมืออาชีพที่น่าเคารพสำหรับคนอื่นๆ.. “ปล่อยวางจากมาตรฐานของตัวเองบ้าง เพราะแต่ละคนมีสิ่งที่ทำได้ไม่เหมือนกัน”

โดยสรุปแล้วคำแนะนำดีๆในแต่ละข้อของหนังสือเล่มนี้..ล้วนเป็นคำเเนะนำที่เรียบง่าย ทำตามได้ง่าย รวมถึงเป็นการยกตัวอย่างให้เห็นภาพซึ่งก็เหมาะกับคนคิดมากที่สลัดเรื่องเครียดออกจากหัวไม่ได้สักที...ที่สุดมันจึงคือหนังสือที่สามารถเปลี่ยนตัวเองที่ไม่มั่นใจให้เข้าสู่...สภาวะที่เข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเองได้..

“อย่าเผลอเปียบเทียบกับคนอื่น ปลายทางของการเปรียบเทียบมีแต่ความพ่ายแพ้..ถ้าวันนี้รู้สึกแย่ ร้องไห้บ้างก็ได้..มันไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอหรอก ก็แค่ความรู้สึกเสียใจ” หากคิดว่า..ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือ จุดเริ่มต้นสำหรับการฝึกบินของเรา..เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปรับความรู้สึกแทนใคร ..."ไม่มีใครหรอกที่สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว..เราจึงควรเลือกคนที่ปรึกษา เพื่อจะไม่ได้มาเสียใจภายหลัง..และแม้เราจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของใครทุกคนได้..แต่เราก็ ...สามารถทำตัวไม่ให้ถูกเกลียดจากใครได้..เช่นเดียวกัน..

“ถ้าอยู่กับความเป็นปัจจุบันได้..ก็ออกห่างจากความกังวล” นี่คือหนังสือแห่งความคิดเพื่อการกระทำแห่งชีวิตของ “โคเซโกะ โนบุยุกิ”..หนังสือแห่งการฝึกปฏิบัติกายและใจให้มีผัสสะต่อการผ่อนคลายอย่างสุขสงบ..รับรู้ในเรียนรู้ผ่านการพินิจพิเคราะห์ชีวิตและค่อยไปฏิบัติ..อันถือเป็นฐานรากของการก้าวย่างสู่อนาคตด้วยสัมปชัญญะอันสมบูรณ์และรู้ตัว..

“ชลดา เจริญวิริยะกูล”..แปลหนังสือเล่มนี้ออกมา อย่างเต็มไปด้วยสัดส่วนของความคิดและการกระทำ..สื่อให้เห็นข้อปฏิบัติในคำสอนของยุคสมัย  ที่สร้างค่าต่อการมีชีวิตอยู่อย่างน่าสนใจ ชวนตีความต่อการใคร่ครวญ...หลายๆขณะที่ชีวิต ...ย่อมจำเป็นที่จะต้องถือครองความผ่อนคลายเอาไว้..เพื่อการคลี่คลาย การมีอยู่ของคลื่นลมแห่งอารมณ์ที่มีโอกาสจะทำลายชีวิตของเราลงได้..หากชีวิตของเราไม่ยอมตระหนัก..หรือรู้เท่าทันมัน..

“อย่าเอาแต่คิดว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง..ฝึกยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น..สิ่งที่เรียกว่าคุณค่า..จะไม่เป็นสิ่งที่ผู้อื่นกำหนด แต่เป็นสิ่งที่ติดอยู่กับตัวเรามาตั้งแต่แรกแล้ว...!”