บิ๊กเต่าระดมกำลังจนท.บุกค้น 13 จุด จับเจ้าหน้าที่สปก.โคราช ออกหนังสือครอบครองที่ดินกว่า 600 ไร่ เอื้อนายทุนโรงงาน ใช้รับน้ำเสีย ธนดลลั่นล้างบางจนท.ทุจริตให้สิ้นซาก แฉออกหนังสือให้นอมินีครอบครองที่ดินสปก. เตรียมประสานปปง.ตรวจสอบขยายผลยึดทรัพย์ผู้ร่วมขบวนการ

     เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.67 เวลา 06.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย  นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ด้านกฎหมาย พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน เข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 13 จุด ในจ.นครราชสีมา , อุดรธานี และกรุงเทพฯ เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตออกใบอนุญาตที่ดิน สปก. จ.นครราชสีมา จำนวน 4 ราย ได้แก่ เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา , เจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการพิเศษ , เจ้าหน้าที่นายช่างสำรวจอาวุโส และเจ้าหน้าที่นายช่างรังวัด ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    
 สำหรับเป้าหมายสำคัญจุดแรกอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ม.12 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา บ้านพักของเจ้าหน้าที่นายช่างสำรวจอาวุโส ระหว่างตรวจค้นเจ้าตัวไม่อยู่บ้าน ทราบว่าออกไปวิ่งออกกำลังกายอยู่ที่ ม.เทคโนโลยีสุรนารี อยู่ห่างจากบ้านพักราวๆ 6 กิโลเมตร จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว ส่วนการเข้าตรวจค้นจับกุมจุดอื่นๆจะมีการสรุปผลอีกครั้ง
    
 ส่วนการจับดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ย.66 นายกฤษฎา อินทามระ หรือทนายปราบโกง เข้าร้องขอให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ของส.ป.ก.นครราชสีมา กลุ่มหนึ่งที่พบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้โรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ ปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ ส.ป.ก.โดยไม่ยอมดำเนินการใดๆ กับโรงงานดังกล่าว
   
  ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบกลุ่มผู้ต้องร่วมกันเร่งรัดออกหนังสือ ส.ป.ก.ให้กับชาวบ้านรวม 13 ราย เพื่อปกปิดความผิดของบริษัทที่ปล่อยน้ำเสียลงที่ดินของ ส.ป.ก. มาเป็นการปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ของชาวบ้าน จนเป็นเหตุทำให้ที่ดินของรัฐ(ส.ป.ก.) ได้รับความเสียหายเกือบ 600 ไร่ จึงรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกระทำผิดทั้ง 4 คน
   
  โดยแผนประทุษกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้นตอนออกหนังสือ ส.ป.ก.ให้กับชาวบ้านที่เป็นนอมินี โดยพบความผิดปกติหลายอย่าง อาทิ ไม่ได้รังวัดที่ดินตามการนำชี้ของผู้ครอบครองทำประโยชน์ แต่เป็นการแบ่งแปลงเองของเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. รวมถึงวันที่มีการรังวัด สอบสวนสิทธิที่ดินกว่า 600 ไร่ นั้น ยังทำกันภายในวันเดียวกัน อีกทั้งยังพบว่ามีการให้เกษตรกรที่เป็นผู้ถือครองแทนหรือนอมินี ลงนามรับรองผลการรังวัดไว้ก่อนที่จะมีการรังวัดจริงด้วย ถือเป็นการทำเอกสารเท็จ
    
 นอกจากนี้ ยังไม่มีการตรวจสอบความเป็นเกษตรกรของผู้ที่เข้ามาถือครอง บางรายพบว่าเป็นพนักงานของโรงงาน บางรายไม่มีคุณสมบัติชัดเจน เช่นไม่ใช่ญาติของผู้กระจายสิทธิ และไม่ได้เป็นเกษตรตามข้อกำหนด จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินที่ ออกเป็น ส.ป.ก.4-01 นั้น ส่วนใหญ่พบเป็นบ่อน้ำเสียเต็มพื้นที่ ไม่เหมาะสมในการนำมาจัดให้เกษตรกร รวมถึงยังพบร่องรอยการลงนามเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ มีการเร่งรัดข้ามขั้นตอน และบันทึกข้อมูลอันเป็นเท็จอีกด้วย
    
 นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เปิดเผยว่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบการใช้พื้นที่ ส.ป.ก. ซึ่งหากพบว่ามีการใช้ที่ ส.ป.ก.ผิดวัตถุประสงค์ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที เอาจริงและให้ตรวจสอบผู้ที่ได้รับเอกสาร ส.ป.ก. ทั่วประเทศว่าเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ หรือเป็นนายทุน ไม่ถูกต้องตามระเบียบและวัตถุประสงค์ รวมไปถึง การดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ นอมินี นายทุน ต่างๆ
   
  นายธนดล กล่าวว่า วันนี้จึงได้ร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ,พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ เจ้าหน้าที่ บก.ทล. เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 13 จุด ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา , อุดรธานี และกรุงเทพฯ เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตออกใบอนุญาตที่ดิน ส.ป.ก. ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา 4 ราย ประกอบด้วย นายอัครเดช เรียนหิน อายุ 56 ปี ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ,นางวิไลลักษณ์ บุตรดา อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการพิเศษ ,นายปรีชา ประภานุกูล อายุ 61 ปี เจ้านายช่างสำรวจอาวุโส และนายโชคศักดิ์ มณีจันทรา อายุ 54 ปี นายช่างรังวัด ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ"
   
  ยืนยันว่าไม่ว่านายทุนหรือผู้อยู่เบื้องหลังจะเป็นใคร หากพบผิดหรือเกี่ยวข้องไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐหรือกลุ่มผู้ต้องหาที่จับกุมในวันนี้ จากแนวทางสืบสวนพบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ โดยใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ในการกระทำผิด และจะเร่งขยายผลหาความเชื่อมโยงไปยังเจ้าหน้าที่รัฐรายอื่นๆที่ยังไม่ถูกออกหมายจับ คาดว่ามีอีกประมาณ 5 ราย เป็นข้าราชการระดับ ซี 7และ8 
   
  นอกจากนี้ หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการสอบสวน ทางตำรวจ บก.ปปป. จะเร่งประสานไปยัง ปปง. เพื่อขยายผลยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐกลุ่มนี้ พร้อมเตรียมขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อหาความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มนายทุน ซึ่งข้อมูลที่อยู่ตอนนี้ทราบว่ามีการโอนเงินให้ลูกสาวของผู้ต้องหา อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัด ขณะที่ในส่วนของนอมินี ทั้ง 13 คน ทางเจ้าหน้าที่เตรียมเชิญตัวมาให้ปากคำ หากให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ก็อาจมีการพิจารณากันไว้เป็นพยาน อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ผ่านมา ทราบว่าเคยมีการร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด และ หน่วยงานภาครัฐต่างๆที่เกี่ยวข้อง แต่กลับนิ่งเฉย จนตนต้องมาจับด้วยตนเอง