“กองปราบ”ประชุมร่วม "อัยการ" เตรียมออกหมายจับกลุ่มผู้บงการในคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนหาย จำนวน 3 ลำ ไปจนถึงกลุ่มผู้บงการ "ตำรวจน้ำ"สอบเครียด 8 ลูกเรือน้ำมันเถื่อนตลอดทั้งคืนถึงเช้า พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าประชุมกับ นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานฝั่งอัยการ กรณีจับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน และกรณีที่เรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำที่จับกุมได้หายไปจากท่าเทียบเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี
โดยก่อนเริ่มการประชุม พ.ต.อ.ชัชวาล เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีจับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนเป็นคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะทางทะเล จึงเป็นคดีนอกราชอาณาจักร แต่ทำผิดตามกฎหมายไทย จึงต้องให้อัยการเข้าร่วมการสอบสวน โดยการประชุมในวันนี้จะเป็นการประชุมหารือรายละเอียดทางคดีทั้งหมด ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงเมื่อวานนี้ที่มีผู้ต้องหามารายงานตัว โดยในส่วนของบก.ปอศ. ซึ่งเป็นเจ้าของคดีจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน ในความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากรและพ.ร.บ.สรรพสามิต ก็จะหารือกับอัยการในประเด็นการดำเนินการกับกลุ่มผู้ต้องหาและการขยายผลในขั้นตอนต่อไป ส่วนจะขยายผลไปถึงกลุ่มผู้บงการหรือไม่นั้น ตำรวจ บก.ปอศ. ได้ประสานข้อมูลการสืบสวนจากฝั่งตำรวจกองบังคับการปราบปราม และจะนำเสนอข้อมูลให้อัยการพิจารณาว่า พยานหลักฐานสาวถึงผู้ร่วมขบวนการรายใดบ้าง ที่เพียงพอที่จะดำเนินคดี
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า ในส่วนของกองบังคับการปราบปรามก็จะมีการประชุมหารือร่วมกับอัยการใน 3 ส่วน คือ 1.ส่วนของคดีจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน ที่ตำรวจกองปราบปรามเป็นชุดสืบสวน ก่อนที่จะส่งมอบข้อมูลให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ไปดำเนินคดีเรื่องเกี่ยวกับภาษี
2.ประเด็นการขยายผลเครือข่ายและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน และ3.เป็นเจ้าของคดีเรือที่หายไป 3 ลำ ซึ่งภาพรวมจะเป็นการหารือในเรื่องรูปสำนวนให้รอบด้าน และการขยายผลจากกลุ่มผู้ต้องหาเดิม ซึ่งทางตำรวจก็มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงตัวบุคคลในส่วนหนึ่งอยู่เป็นกลุ่มผู้บงการ 3-4 คน เพราะเมื่อมีคดีเรือหายขึ้นมา ก็ทำให้ตำรวจมองเห็นความเชื่อมโยงต่างๆ มากขึ้น เห็นตัวละครสำคัญมากขึ้น พยานหลักฐานในคดีเดิมชัดเจนมากขึ้น มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งหากพยานหลักฐานเพียงพอก็จะออกหมายจับ
ส่วนลูกเรือ 15 คน ที่ลงเรือ 3 ลำ ที่หายไป พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับไว้แล้วทั้ง 15 คน ในข้อหาเกี่ยวกับการเอาไป หรือทำลาย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหาย ซึ่งทรัพย์สินที่พนักงานยึดไว้ไปเพื่อเป็นพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 242 และ 158 และการลักทรัพย์ของผู้อื่น เพราะที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คน ต่างคนต่างปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเจ้าของเรือ และเจ้าของน้ำมัน ดังนั้นเรือกับน้ำมันจึงเป็นทรัพย์ของผู้อื่น การที่ผู้ต้องหา 15 คน นำเรือออกไป ก็จะเข้าข่ายลักทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งเมื่อวานนี้ตามจับกลับมาได้ 8 คน ส่วนอีก 7 คนยังหลบหนี ซึ่งฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดี.
สำหรับบรรยากาศช่วงเช้า ที่บริเวณท่าเทียบเรือกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เจ้าหน้าที่ยังคงนำเรือขนน้ำมันเถื่อนของกลางทั้ง 3 ลำ จอดไว้ที่ท่าเทียบเรือ โดยมีเรือตรวจการณ์ของตำรวจน้ำจอดประกบอยู่ด้านนอกเป็นลำที่ 4 อีกทั้งกั้นเชือกไว้เป็นพื้นที่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ หลังจากที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเสร็จแล้ว และหลังจากที่เรือทั้ง 3 ลำถูกยึดมาได้แล้ว ก็มีชาวบ้านเข้ามาดูในพื้นที่อยู่เป็นระยะ
จากการสังเกตของทีมข่าว ยังพบว่าบนเรือยังมีเสียงสุนัขเห่าอยู่เป็นระยะ คาดว่าเป็นสุนัขของผู้ต้องหาบนเรือที่เลี้ยงไว้ และเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้นำตัวสุนัขลงมาจากเรือตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยหลังจากคุมตัวผู้ต้องหาบนเรือได้ทั้ง 8 คน ก็ได้สอบเครียดตลอดทั้งคืนที่กองบังคับการตำรวจน้ำ ก่อนที่จะส่งตัวมาเข้าห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ สภ.เมืองสงขลา ซึ่งห่างจากที่ทำการตำรวจน้ำ 300 เมตร เมื่อเวลา 06.00 น.
โดยมีรายชื่อผู้ต้องหาปรากฏที่หน้าห้องควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ประกอบด้วย 1.นายเดชา จรรยาลักษณ์ 2.นายสุนทร เขียวสุวรรณ 3.นายบุญใจ เอียดถนอม 4.นายธานินทร์ ชลประดับ 5.นายจำปี เยาวกุล 6.นายสมชาย ทองโอสถ 7.นายสิริพงศ์ ของขวัญ 8.นายอุดร แสนใหม่ ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน