นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาของกรุงเทพมหานครขณะนี้คือ รถสามล้อ (รถตุ๊กๆ) เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น ย่านเยาวราช มีการรวมตัวจอดรอผู้โดยสารกีดขวางการจราจรและเปิดเพลง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และไม่สนใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นปัญหาด้านระเบียบวินัย ซึ่ง กทม.ไม่มีอำนาจจับกุม แต่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทางเท้า

 

"รถตุ๊ก ๆ ช่วงหลังไม่ค่อยฟังกฎจราจร จอดรอผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่เทศกิจไล่ยังไม่กลัวเลย ตำรวจมาบางทียังไม่กลัวเลย จอดกันเป็นก๊วน บางทีเป็นวัยรุ่นเปิดเพลง เป็นปัญหาด้านระเบียบวินัยของกรุงเทพมหานคร"

 

นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันแนวทางจับปรับและส่วนแบ่งนำจับตามกฎหมายเปลี่ยนไป จนเกิดกระแสวิจารณ์ว่า เมื่อส่วนแบ่งนำจับไม่มี เจ้าหน้าที่เทศกิจก็ไม่ทำงานกวดขัน จึงขออธิบายว่า แต่เดิมกฎหมายกำหนดส่วนแบ่งให้ผู้แจ้งเบาะแสจับกุมร้อยละ 50 แต่ปัจจุบันกฎหมายไม่แบ่งรางวัลนำจับแล้ว ซึ่งการปรับแบบพินัย ตามกฎหมายไม่ถือว่าเป็นการจับกุม จึงไม่สามารถนำเงินค่าปรับไปแบ่งเป็นรางวัลนำจับเหมือนที่ผ่านมาได้

 

"อาจมีความเข้าใจผิด คิดว่าเป็นนโยบายของผู้ว่าฯกทม. ในการไม่แบ่งรางวัลนำจับ ทำให้เทศกิจขี้เกียจจับกุมกวดขัน จึงขอชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมายกำหนดให้ปรับเป็นพินัย ซึ่งเป็น พ.ร.บ. โทษอาญาเหมือนกับแจ้งให้ประชาชนไปเสียค่าปรับ ไม่จับซึ่งหน้า จึงไม่สามารถนำเงินค่าปรับมาเป็นแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็มีเงินเดือนอยู่แล้ว ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ดังนั้น อาจมีความเข้าใจผิด ไม่ใช่นโยบาย กทม. แต่เป็นเรื่องกฎหมายที่เปลี่ยนไป" นายชัชชาติ กล่าว