วันที่ 18 มิ.ย.2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ทั้งนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ชี้แจงร่างของครม.ต่อที่ประชุมสภาฯ

ต่อมานายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวชี้แจงร่างของพรรคเพื่อไทย ว่า ในการแก้ไขประเด็นการออกเสียงเพื่อนำไปสู่การผ่านประชามติ จากเดิมที่ใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น คือ  ผู้มาใช้สิทธิต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ และ เสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญหากเทียบกับการประชามติรัฐธรรรมนูญ 2560 พบว่ามีผู้มีสิทธิ 50 ล้านคน ออกมาใช้สิทธิ 29.7 ล้านคน เห็นชอบ 16.8 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบ 10.5 ล้านเสียง หากมีผู้ไม่ออกมาใช้สิทธิ 4 ล้านคน รัฐธรรมนูญ 2560 จะไม่ผ่าน

ทั้งนี้การออกเสียงประชามติมีเหตุผลความจำเป็นต้องการสอบถามความเห็นประชาชน ดังนั้นเรื่องนี้อาจเป็นปัญหา โดยเฉพาะประชามติแก้ไขเพิ่มเติมหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นควรแก้ไขเพื่อให้ปฏิบัติได้ ไม่ใช่ใช้เสียงมากเกินไป



ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า การแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ตนมองว่าไม่ควรออกแบบให้โดยยึดติดเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลักเท่านั้น เพราะ พ.ร.บ.ประชามติไม่ใช่ทุกอย่างที่ส่งผลต่อกระบวนการทำรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีตัวแปรซึ่งกำหนด ว่า จะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เร็ว หรือมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เป็นประเด็นที่อยู่นอกเหนือกฎหมายประชามติ อย่างไรก็ดีตนเห็นต่างเรื่องจำนวนครั้งของการทำประชามติ และควรมีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง 100% ของประชาชน ทั้งนี้ ครม. ยังไม่รับหลักการดังกล่าว


“ครม. ไม่เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ จนกว่ามีพ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ ทั้งที่โฆษกรัฐบาลกำหนดว่าจะทำประชามติครั้งแรกในระหว่างวันที่ 21 ก.ค.- 21 ส.ค. นั้นไม่เป็นความจริง ผมไม่ได้รับคำยืนยันด้วยว่าหาก ครม.ต้องแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติก่อนจัดทำประชามติครั้งแรก ทำไมต้องรอจนถึงวันนี้ ทั้งนี้ร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของพรรคก้าวไกลเสนอสู่สภา ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.67” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า เมื่อทุกพรรค และรัฐสภามีธงชัดเจนอยากเห็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากออกแบบกฎหมายประชามติโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผลลัพธ์ของประชามติเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญญใหม่ จะถูกตั้งคำถามว่าต้องการแก้กติกาเพื่อให้ฝ่ายที่สนับสนุนได้เปรียบใช่หรือไม่ อย่างไรก็ดีตนขอเรียกร้องให้สส.คำนึงถึงเป้าหมายของการออกแบบกติกาประชามติเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เหมาะสม ประสิทธิภาพ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนไม่ว่าประชามติเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญหรือเราสนับสนุนฝ่ายที่เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับประเทศที่ถูกถามในเรื่องการทำประชามติ