เมื่อช่วง 15.30 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พลตำรวจตรี พฤทธิพงศ์ นุชนารถ, ผู้บังคับการตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงการ ติดตามจับกุมผู้ต้องหาพร้อมเรือขนน้ำมันเถื่อนที่หายไปจากถ้าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ว่า

หลังจากเรือขนน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำพร้อมลูกเรือ 15 คน หลายไป เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ก็ได้สืบสวนจนทราบว่า เรือทั้งหมดถูกนำไปจอดที่ประเทศกัมพูชา เพื่อหลบซ่อน และขายน้ำมันของกลางทั้งหมดที่ประเทศกัมพูชา ส่วนลูกเรือทั้ง 15 คนก็ได้มีการผลัดเปลี่ยนกันขึ้นฝั่งไปพักผ่อนและบางส่วนเฝ้าเรือ โดยระหว่างนี้ได้เปลี่ยนสีเรือซีฮอต ที่เก๋งเรือ พื้นเรือ จากสีแดง เป็นสีเขียว เลี่ยงการตรวจจับ เพื่อนำเรือไปใช้ใหม่ ส่วนอีก 2 ลำ กำลังจะเปลี่ยน รูปพรรณเรือเช่นกัน แต่ยังไม่ทันดำเนินการก็ไหวตัวทันว่าเจ้าหน้าที่พบแหล่งกบดาน จึงได้นำเรือออกทะเลอย่างเร่งรีบ ทำให้ลูกเรือบางส่วน อยู่บนเรือเพียง 8 คน จากทั้งหมด 15 คน โดยจับได้บนเรือเจพี4คนเรือดาวรุ่ง1และเรือกำไลเงินหรือซีฮอท 3คน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และ เครือข่ายเรือประมง เพื่อให้ค้นหาเรือทั้ง 3 ลำ ที่ลอยอยู่กลางทะเล

จนเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ช่วง 06.00 น. เรือประมงเครือข่าย พบเรือของกลาง ทั้ง 3 ลำ ลอยกลางทะเล พื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ หรือ EEZ ห่างจากฝั่งสงขลา 90 ไมล์ทะเล จึงได้ส่งเรือตรวจการณ์ 3 ลำ ไปตรวจสอบ จึงพบว่าเป็นเรือของกลางจริง มีคนเรือที่ตำหนิรูปพรรณตรงกับผู้ต้องหา จึงได้แสดงตัวเข้าจับกลุ่มและตรวจยึดเรือ โดยพบว่า ในจำนวนนี้หนึ่งลำ คือ เรือดาวรุ่ง พังเสียหายเดินเครื่องไม่ได้มีการลากจูงอยู่กลางทะเล

เบื้องต้น กำลังนำเรือทั้ง 3 ลำ กลับเข้าฝั่งที่ถ้าเทียบเรือกองกองกำกับการเจ็ดกองบังคับการตำรวจน้ำจังหวัดสงขลา  ซึ่งสามารถเดินเรือได้เพียง 5 น็อต จึงทำให้ล่าช้าและคาดว่าเรือทั้งสามลำพร้อมผู้ต้องหาจะเข้าฝั่งได้ในช่วงค่ำวันนี้

ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งแปดคนมาสอบปากคำและทำบันทึกจับกุม ก่อนส่งตัวเข้าไปสอบสวนขยายผลที่กองบังคับการปราบปราม ด้วยเครื่องบิน ในวันพรุ่งนี้