กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์   รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี, พ.ต.ท.วิวัฒนชัย   คลื่นแก้ว, พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ และ พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รอง ผกก.5 บก.ปอศ.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัต สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ.ร่วมกันจับกุม นายจันทกานต์ฯ อายุ 33 ปี โดยกล่าวหากระทำผิดฐาน “พยายามส่งของที่ผ่านหรือกำลังผ่านที่พิธีศุลกากรออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้น”

สถานที่จับกุม ริมถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ  พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสว่ามีการตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กประกาศซื้อ-ขายรถ ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยภายในกลุ่มจะมีการซื้อขายกันไม่ว่าจะเป็นรถที่หลุดจำนำ, รถที่ติดไฟแนนซ์แล้วนำไปจำนำ หรือแม้กระทั่งรถที่ได้มาจากการลักขโมย โดยเมื่อมีการตกลงซื้อขายรถกันแล้ว จะมีการขนส่งโดยรถกระบะตู้ทึบติดป้ายของบริษัทขนส่งเอกชน เพื่อปกปิดและซ่อนเร้น ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้


ต่อมาเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่ามีขบวนการลักลอบส่ง     รถจักรยานยนต์มาขายที่ชายแดนประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางกำลังเข้าตรวจสอบ โดยเมื่อพบรถยนต์กระบะตู้ทึบต้องสงสัยที่มีลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอเข้าทำการตรวจค้น แต่คนขับรถพยายามขับหลบหนี และได้ทิ้งรถยนต์ไว้ที่บริเวณป่าในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดรถยนต์คันดังกล่าวมาที่ สภ.สังขละบุรี โดยเมื่อเปิดตู้ท้ายกระบะพบรถจักรยานยนต์ในตู้จำนวน 8 คัน เจ้าหน้าที่จึงทำการยึดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไว้เพื่อทำการสืบสวนหากลุ่มคนร้ายต่อไป
ซึ่งต่อมาภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่ารถยนต์กระบะที่ตรวจยึดได้นั้น มีนายจันทกานต์ฯ เป็นผู้ขับขี่ในวันดังกล่าว พนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี จึงได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตามหมายจับข้างต้น และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายจันทกานต์ฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการจับกุมตัวที่บริเวณริมถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง   เขตบางเขน กรุงเทพฯ จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป


จากการสอบถามนายจันทกานต์ฯ ให้การว่ารับคำสั่งซื้อจากชายชาวพม่า โดยชายชาวพม่าจะเเจ้งกับตนว่าต้องการรถรุ่นอะไร จำนวนกี่คัน หลังจากนั้นตนจะประกาศหารถตามที่ชาวพม่าต้องการในกลุ่มเฟซบุ๊ก โดยจะตระเวนรับซื้อรถจักรยานยนต์ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งเมื่อได้รถมาเเล้ว จะมีการกำหนดสถานที่และเวลาเพื่อส่งรถจากชายแดนจังหวัดกาญจนบุรีไปยังประเทศเมียนมา


ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัย อย่าหลงเชื่อการกู้ยืมเงินที่มีการนำรถไปจำนำที่โพสตามสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการขนรถไปขายที่ประเทศพม่า ทำให้เสียทั้งรถ เสียทั้งเงิน และเสียเวลา และทั้งผู้จำนำและรับจำนำอาจมีความผิด ดังต่อไปนี้


การที่ผู้เช่าซื้อนำรถติดไฟแนนซ์ไปจำนำ แล้วผู้เช่าซื้อไม่ผ่อนชำระหรือไม่นำเงินมาปิดยอดไฟแนนซ์      ที่เหลืออยู่ จะเข้าข่ายเป็นการ “ครอบครอบทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต” ซึ่งเป็นความผิดฐาน “ยักยอก” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ส่วนผู้รับจำนำหรือผู้รับซื้อรถคันดังกล่าว หากรู้หรือควรจะรู้ได้ว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถติดไฟแนนซ์ การรับจำนำหรือรับซื้อรถคันดังกล่าวไว้ อาจเข้าข่ายเป็นการ “ซื้อ หรือรับจำนำ ซึ่งทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดฐานยักยอก” ซึ่งเป็นความผิดฐาน “รับของโจร” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัต สว.กก.5 บก.ปอศ. โทร. 092-2277789