เลือก สว.ระดับจังหวัด ของเมืองสามหมอก พันธ์เลิศ ใบหยก ได้ไปต่อ ส่วนจำลอง รุ่งเรือง อดีต ส.ส.แม่ฮ่องสอนร่วง ขณะที่คนของนักการเมืองได้ไปต่อที่ เมืองทองธานี 

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2567  หลังจากช่วงเช้ามีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในรอบแรก เพื่อคัดเอาผู้สมัครผ่านเข้ารับสอง โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีผู้สมัครผ่านเข้ารอบสองจำนวน 91 ราย มาจาก 19  กลุ่มอาชีพ  โดยกลุ่มอาชีพ 12 มีผู้สมัครเพียง 1 ราย และกลุ่มอาชีพ 10 ไม่มีผู้สมัครแม้แต่คนเดียว ดังนั้นทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีผู้ผ่านการคัดเลือกในระดับจังหวัดเข้าสู่ระดับประเทศทั้ง หมด  37  ราย
    
ซึ่งผลการเลือกรอบสองแบบไขว้กลุ่ม เลือกกลุ่มอาชีพละ 2 คน  ผลปรากฏ นายพันธุ์เลิศ  ใบหยก เจ้าของตึกใบหยก ที่ลงสมัครคัดเลือกในกลุ่มอาชีพ 11 ผ่านได้ไปต่อในการคัดเลือกระดับประเทศตามที่หลายคนคาดการณ์ไว้ ส่วนนายลำลอง รุ่งเรือง อดีต ส.ส. แม่ฮ่องสอน ตัวเต็งอีกคนสอบตกไม่ได้ไปต่อตามที่หลายคนคอยลุ้น   ทั้งนี้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกถูกมองว่าส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีบารมี และคลุกคลีกับนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับประเทศ

สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้สมัคร สว.ผ่านระดับอำเภอเข้ามาสู่ระดับจังหวัดมากที่สุดคือกลุ่มอาชีพที่ 14 จำนวน 16 ราย แต่ไม่มารายงานตัว 1 ราย  และมีผู้สมัครผ่านเข้ามาสู่ระดับจังหวัดน้อยสุดคือกลุ่มอาชีพที่ 12 มีเพียงจำนวน 1 คน  ส่วนกลุ่มอาชีพ 10 ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่มีผู้สมัคร ดังนั้นจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้สมัคร สว. ผ่านเข้าไปทำการคัดเลือกในระดับประเทศ  จำนวน 37  คน

แหล่งข่าว ผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของ จ.แม่ฮ่องสอน ระบุว่า ในตอนแรกไม่ทราบมาก่อนว่ามีการฮั้วกันของนักการเมืองที่ส่งคนของตัวเองลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สว.ในแทบทุกสาขาอาชีพ เพื่อหวังให้คนของตนเองฝ่าฟันไปถึงเมืองทองธานี แต่เมื่อถึงการลงคะแนนคัดเลือกในระดับอำเภอ จึงได้เห็นว่า มีนักการเมืองระดับชาติได้มีการส่งคนของตนเองลงในแทบทุกสาขาอาชีพ แต่ตนก็พยายามที่จะไปลอบบี้เพื่อขอคะแนน แต่สุดท้ายในระดับจังหวัด ตนก็ไม่ผ่านและคนที่ผ่านส่วนใหญ่เป็นคนของนักการเมืองที่ได้มีการวางคนและวางแผนนำคนเหล่านั้นไปอบรมเรื่องการลงคะแนนจนช่ำชอง อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวเป็นที่น่าเสียดายว่า คนที่เข้าไปส่วนใหญ่เป็นคนของนักการเมืองระดับชาติ แล้ว ในอนาคต ใครจะเป็นคนกำหนดชีวิตและแนวทางการบริหารชาติเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง สุดท้ายก็คนไม่พ้นวงจรอุบาทว์ คือการปฏิวัติอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ทำให้ประเทศชาติเดินช้าลงไปทุกที