ช่วงหัวค่ำคืนวันที่ 15 มิ.ย.67 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วย นายอภิวัฒน์ วิริยาภิรมย์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระบุรี กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี และนายบุญหลาย งามเนตร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 เดินทางลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 7 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี เพื่อตรวจสอบกรณีมีชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนมายัง #เพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอให้มาช่วยเหลือเด็กทารกวัยน้อยวัยเพียง 1 ขวบ 7 เดือน ที่ถูกพ่อ แม่ บังคับให้กินน้ำกระท่อม และดูดบุหรี่ไฟฟ้าทั้งวันจนติดงอมแงม หากวันไหนไม่ได้ดูดจะร้องงอแง ซ้ำแม่เด็กยังถ่ายคลิปโชว์ลงโซเชียลแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นที่เวทนากับชาวบ้านในชุมชนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก 

เมื่อนายเอกภพ พร้อมเจ้าหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าว  ทางผู้ใหญ่บ้านได้เรียกแม่และยายของเด็กออกมาพบ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น 

เบื้องต้น น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี แม่เด็กให้การรับสารภาพว่า ลูกชายตนดูดบุหรี่ไฟฟ้าตามคลิปที่ปรากฎจริง โดยเริ่มดูดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตอนนั้นลูกอายุได้ประมาณ 1 ขวบ 2 เดือน แต่ยืนยันว่าเป็นการดูดโดยสมัครใจ ตนไม่ได้มีการบังคับลูกหยิบไปดูดเอง หากครั้งไหนตนไม่ให้ดูดลูกจะร้องงอแง จึงไม่รู้ว่าจะทำยังไง จึงต้องยอมให้ดูด ส่วนที่ถ่ายคลิปลงโซเชียลนั้น เป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 

ด้าน นางทรายแก้ว อายุ 37 ปี ยายของเด็ก กล่าวว่า ตนได้เคยว่ากล่าวตักเตือนลูกสาวไปหลายครั้งแล้วในเรื่องที่ให้หลานดูดบุหรี่ไฟฟ้า หลังจากนี้ตนจะรับเอาหลานชายมาเลี้ยงดูเอง จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว 

โดยหลังจากพูดคุยจนได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า มีการปล่อยปะละเลยให้ เด็กทารกวัยเพียง 1 ขวบ 7 เดือน ดูดบุหรี่ไฟฟ้าจริง นายเอกภพ จึงประสาน นายอภิวัฒน์  วิริยาภิรมย์  หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สระบุรี  ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก พาครอบครัวดังกล่าวเดินทางไปที่ สภ.เมืองสระบุรี  เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ กับ พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีเสถียรวงศ์ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เอ แม่เด็ก ในความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก นอกจากนี้ จนท.ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี เตรียมขยายผลหาต้นตอว่าแม่เด็กซื้อบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวมาจากที่ใด หากพบว่าที่ใดขายก็จะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตามนโยบายรัฐบาล ที่ให้เร่งจับกุมปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากเป็นภัยต่อเยาวชน 

โดย นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า จากนี้บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สระบุรี จะใช้อำนาจตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก แยกเด็กไปดูแลก่อน โดยหลังจากนี้ จนท.บ้านพักเด็กฯ จะพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด ว่าได้รับผลกระทบจากการดูดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไรบ้างเพื่อเตรียมการรักษาต่อไป นอกจากนี้จะมีทีมสหวิชาชีพ ลงพื้นที่ไปดูสภาพความเป็นอยู่ที่บ้านของเด็กเพื่อประเมินความพร้อมในการเลี้ยงดูหากพบว่าครอบครัวไม่สามารถดูแลเด็กได้ ทาง พม.ก็จะเป็นผู้ดูแลเอง 

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า ต้องขอบคุณชาวบ้านที่ช่วยกันแจ้งข้อมูลมายัง #เพจสายไหมต้องรอด จนนำมาสู่การให้ความช่วยเหลือทารกน้อยในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายใน จ.สระบุรี ที่เข้มแข็ง ลงพื้นที่แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เชื่อว่าหลังจากนี้น้องจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการดูแลของ จนท.กระทรวง พม.  จึงขอฝากไปยังประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมการทารุณกรรมเด็ก หรือพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่างๆ ที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน สามารถแจ้งมาได้ที่ เพจสายไหมต้องรอด ตลอด 24 ชม.