สืบเนื่องจากการสืบสวนของตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายของ นายชาญณรงค์ พบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวจะมีการเคลื่อนไหวในช่วงวันที่ 12-13 มิ.ย.67 โดยการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ อ.ปาย จว.เชียงใหม่ เขามายังพื้นที่ กทม. ด้วยการใช้เส้นทางระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้าน เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของตำรวจ จนเวลา 01.58 น. ของวันที่ 13 มิ.ย.67 ตำรวจพบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถที่นายชาญณรงค์ ขับผ่านเส้นทางที่กำลังซุ่มอยู่ จึงติดตาม และพบว่ามีการขับรถยนต์ที่แปลกไปจากปกติ คือการจอดหยุดพักหลายครั้ง ลักษณะเหมือนขับรอใคร
จากนั้นตำรวจพบรถอีกคันคือ หมายเลขทะเบียนนครปฐม ในเส้นทางเดียวกับรถของนายชาญณรงค์ จึงแบ่งกำลังติดตาม ต่อมา เวลาประมาณ 07.00 น. พบว่ารถทะเบียนนครปฐม ขับแซงขึ้นไปอยู่ด้านหน้า ส่วนรถของนายชาญณรงค์ ก็มีการลดความเร็วลงเพื่อจะตรวจสอบว่ามีรถตำรวจติดตามมาหรือไม่ กระทั่งใกล้ถึง ด่านตรวจวังดิน หมู่ 3 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จว.ลำพูน รถยนต์ที่นายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่มาได้ทำการเร่งความเร็ว ก่อนจะแซงหน้ารถยนต์ นครปฐม เพื่อจะนำทางเข้าด้านตรวจ ระหว่างนั้นตำรวจ ปส. ได้ประสานงานกับตำรวจด่านตรวจวังดิน เพื่อทำการหยุดรถยนต์ทั้ง 2 คัน จากการสกัดจับกุมรถยนต์ หมายเลขทะเบียน นครปฐม โดยมีนายศราวุธ เป็นผู้ขับขี่ ตรวจค้นรถพบยาบ้า จำนวน 12,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนมากับกล่องเลี้ยงผึ้งสีขาว ซึ่งถูกดัดแปลงเพื่อบรรจุยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนรถหมายเลขทะเบียน เชียงใหม่ ที่มีนายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่ทำหน้าที่ขับนำทาง เพื่อตรวจสอบด่านตรวจ และคอยเฝ้าระวังการติดตามจากตำรวจ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนอันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”
วันที่13มิ.ย.67 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผบช.ปส. ได้เดินทางไปร่วมตรวจดูของกลางและซักถามผู้ต้องหาด้วยตนเอง เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นการขยายจากกลุ่มเครือข่ายผู้ค้าในจังหวัดสิงห์บุรี ที่ว่าจ้างกลุ่มนักบินมาลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่อ.ปาย จ.เชียงใหม่ เพื่อนำลงไปส่งกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและภาคกลาง ขณะนี้ผู้ตัวผู้สั่งการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมจะได้ขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป