อดีตอสส.งัดคำพิพากษาศาลฎีกากระทุ้งพวกอยากร้องขอความเป็นธรรมไปเรื่อยๆ ปมคดี 112 เทพไท ตั้งข้อสงสัย 7 ข้อ คดี"ทักษิณ"เชื่อได้ประกันตัว-ไม่ติดกำไลอีเอ็ม ด้านจตุพร ดักทางอดีตนายกฯ คิดหนี ชี้มีโอกาสสูงไม่มาพบอัยการสูงสุด 18 มิ.ย.นี้
จากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อ้างว่า การถูกดำเนินคดีมาตรา 112 แต่ละข้อกล่าวหามีการข่มขู่ ตั้งแต่ในชั้นพนักงานสอบสวนโดยผู้บังคับบัญชา และได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุดตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.67 นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 27 มิ.ย.57 - 30 ก.ย.58 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้...To whom it may concern (โดยเฉพาะคนที่อยากจะ #ร้องขอความเป็นธรรม ไปเรื่อยๆ) ว่า เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2522 ไว้นานแล้วว่า "เมื่ออธิบดีกรมอัยการชี้ขาดให้ฟ้องคดีตามความเห็นแย้งของอธิบดีกรมตำรวจแล้ว คำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องคดีของอธิบดีกรมอัยการเป็นอันถึงที่สุด พนักงานอัยการต้องฟ้องไปตามนั้น เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ให้อำนาจอธิบดีกรมอัยการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาชี้ขาดใหม่ได้อธิบดีกรมอัยการจึงไม่มีอำนาจที่จะชี้ขาดกลับคำสั่งของตนได้อีก"
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายตระกูล ได้เคยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่า ในฐานะเป็น อสส.(ในขณะนั้น) ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีอาญานอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ไม่เคยมีใครข่มขู่ โน้มน้าว ชักจูง ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวนครับ"
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ "จับตา ทักษิณ : ได้ประกัน : ไม่ติดกำไลEM ???" โดยระบุว่า จับตา ทักษิณ : ได้ประกัน : ไม่ติดกำไลEM ??? จากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาคดี ม.112 ได้ให้ทนายความยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด กรณีมีคำสั่งฟ้องในความผิดมาตรา 112 และนัดนำตัวส่งฟ้องต่อศาลในวันที่ 18 มิ.ย.67 นี้ ได้มีการแสดงความเห็นเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง แม้แต่ระดับอดีตอัยการสูงสุด ทั้งนายตระกูล วินิจนัยภาค ที่ออกมาปฏิเสธเรื่องผลไม้พิษ และนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ที่ออกมาแสดงความเห็น และอธิบายถึงหลักเกณฑ์ ขั้นตอนการขอความเป็นธรรมอย่างละเอียดยิบ ผมเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิทธิ์ที่ นายทักษิณ สามารถทำได้ในฐานะผู้ต้องหา แม้จะมีความเห็นจากอัยการสูงสุดสั่งฟ้องไปแล้วก็ตาม เพราะ นายทักษิณ คือบุคคลพิเศษของประเทศนี้ สามารถทำอะไรได้เหนือกว่าบุคคลประชาชนคนทั่วไปในทุกด้านอยู่แล้ว จนถูกเรียกว่าเป็นอภิสิทธิ์ชน ซึ่งถ้าเป็นประชาชนคนทั่วไป จะไม่ได้รับสิทธิ์เหมือนนายทักษิณอย่างแน่นอน หลังจากนี้เป็นต้นไป จะต้องจับตาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการดำเนินคดี ม.112 ของนายทักษิณบ้าง
1. อัยการสูงสุด จะมีความเห็นรับพิจารณาหนังสือขอความเป็นธรรมของนายทักษิณอย่างไรหรือไม่ 2. จะมีการเลื่อนการนำตัวนายทักษิณฟ้องต่อศาลในวันที่ 18 มิถุนายนนี้หรือไม่ 3. ถ้าอัยการสูงสุดรับพิจารณาการขอความเป็นธรรมจากนายทักษิณแล้ว อัยการสูงสุดจะกลับคำสั่งฟ้องคดี เป็นคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ 4. ถ้าอัยการสูงสุดเห็นว่าหนังสือขอความเป็นธรรมไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จะได้นำตัวนายทักษิณฟ้องศาลเลยหรือไม่ นายทักษิณจะปรากฏตัวต่อศาลหรือไม่ 5. เมื่อมีการนำตัวนายทักษิณฟ้องต่อศาล จะต้องจับตาดูว่า ศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ 6. ถ้าศาลอนุญาตให้ประกันตัว จะมีการติดกำไลอีเอ็ม ระหว่างการประกันตัวหรือไม่ 7. ถ้าศาลไม่ให้ประกันตัว นายทักษิณจะถูกคุมขังอย่างไร ที่ไหนหรือไม่ ผมมีความเชื่อว่า นายทักษิณ จะถูกนำตัวส่งฟ้องศาล และจะได้รับสิทธิ์ประกันตัวอย่างแน่นอน และที่พิเศษกว่านั้น จะเป็นผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวโดยไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม แม้ว่าจะมีประวัติเคยหนีคดีมาแล้วก็ตาม
ส่วน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า "จตุพร"ดักทางทักษิณคิดหนี เหตุความมั่นใจไฟเขียวร่อยหรอติดดิน เชื่อ 18 มิ.ย.โอกาสไม่ไปพบ อสส.มีสูง ท้ากล้าๆ หน่อยไปศาลอย่างสง่างาม มากภาวะผู้นำ หรือยอมติดคุกจะฟื้นศรัทธากระบวนการยุติธรรมได้อักโข การดิ้นยื่นของความเป็นธรรมในคดี ม.112 ของทักษิณ ไม่อาจแปรเปลี่ยนคำฟ้องศาลของอัยการสูงสุดได้อีกแล้ว ดังนั้น ต้องถูกนำตัวไปขึ้นศาลไต่สวน แต่มีทางเดียวที่จะรอดคดีได้ คือ ไม่ไปตามอัยการนัดไว้ จนถึงขณะนี้มีอะไรมายืนยันว่า ทักษิณ จะไปพบอัยการในวันที่ 18 มิ.ย. แม้ตนอยากให้ไปเพราะต้องการให้อยู่ในโลกความจริง ได้ซึมซับความรู้สึกคนติดคุกที่ไปต่อสู้เพื่อทักษิณมาแล้ว ถ้าทักษิณจะหนีต้องไปก่อนถึงวันที่ 18 มิ.ย. ถ้าทักษิณ มาพบอัยการเพื่อนำตัวไปฟ้องศาล หากไม่ได้ประกันตัว การเมืองจะวุ่นวายที่สุด ไม่ว่ามุมใดทางการเมืองมีโอกาส สส. เพื่อไทย และก้าวไกล อาจอพยพไปพรรคอื่นอย่างไม่เป็นทางการมากขึ้น สภาพการเมืองแบบนี้ไม่อาจแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอะไรได้ และเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ในวันที่ 18 มิ.ย. อาจไม่ได้เห็นตัวทักษิณ ไปพบอัยการก็ได้ แต่คนที่มีหน้าที่หากไม่ต้องการให้ออกนอกประเทศแล้ว ทักษิณ ก็ออกไปไม่ได้ง่ายๆ แน่ แต่ถ้าติดคุก กรมราชทัณฑ์จะผวามากที่สุด ผมท้าให้ทักษิณ ไปพบอัยการในวันที่ 18 มิ.ย. ถ้าไม่ไปจะเสียภาวะผู้นำเลย แล้วต่อไปใครจะมาเรียกร้องให้กลับบ้านอีก สิ่งสำคัญผู้นำต้องเป็นแบบอย่างในการต่อสู้ ดังนั้น ทักษิณ ควรไปตามนัดของอัยการเพื่อนำตัวไปฟ้องศาล ขอให้ไป แสดงความกล้าหน่อย ไปแบบสง่างาม แม้ไม่รู้ว่า จะได้ประกันตัวหรือไม่ก็ตาม"