วันที่ 13 มิ.ย.67 จากกรณีที่เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ว่ามีโรงงานรีไซเคิล (คัดแยกขยะ) ตั้งอยู่ หมู่ 4 ริมถนนสายแก่งคอย – บ้านนา ต.ท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้มีการเผาขยะตลอดทั้งวัน ทำให้ส่งกลิ่นเหม็น ตลบอบอวน ไปทั่ว จนทำให้เกิดภาวะ คอแห้ง แสบตา แสบจมูก ไปตามทิศทางของลมที่พัดผ่านเข้ามา จนเกิดโรคทางเดินหายใจ หายใจไม่อิ่ม ต้องใส่หน้ากากอนามัยกันอยู่ ตลอดเวลา ส่งผลให้ชาวบ้านในตำบลห้วยแห้ง ม.3 และ ม.7 ตำบลท่ามะปราง ม.1 ม.2 และ ม.4 ต.ชำผักแพว ม.6 ม.7 และ ม.8 กว่า 1.000 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ เคยร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ หรือเข้ามาแก้ไขแต่อย่างไร จึงได้พากันมาร้องสื่อเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น แต่ชาวบ้านยังไม่รับการแก้ไขไดๆจากทางหน่วยงานที่ได้ร้องเรียนไป และทางบริษัทยังคงทำการเปิดเครื่องทำงานอยู่อย่างปกติ

ล่าสุด วันที่ 13 มิ.ย.67 ชาวบ้านจาก 3 ตำบลใน อ.แก่งคอยได้รวมตัวกันกว่า 100 คนเดินทางมายังศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี โดยถือป้ายข้อความต่างๆ เช่น “ได้โปรดช่วยชาวบ้าน เรียนท่านปผู้ว่าจังหวัดสระบุรี ต.ห้วยแห้ง ต.ท่ามะปราง ต.ชำผักแพว ได้รับผลกระทบจากควัน และกลิ่นเห็น จากการเผาขยะ ของ บจก.เอ็น15 เทคโนโลยี่”  “ไม่เอากลิ่นเห็นจากโรงงาน นายทุนได้เงิน ชาวบ้านได้อะไร” ฯลฯถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน เพื่อยื่นหนังสือต่อนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี โดยมีแกนนำชาวบ้านได้พูดถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเผาขยะรีไซเคิล จากนั้น นายยอดชาย ภูแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วย นางสาวรชธภร ฐานะวร ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม ได้เป็นตัวแทน ผวจ.สระบุรี รับหนังสือแทน

โดยนายยอดชาย กล่าวว่า ตนเองได้รับมอบหมายจาก ผวจ.ให้มาเป็นตัวแทนในการรับหนังสือร้องเรียนของชาวบ้าน โดยตนเองจะเปิดห้องประชุมให้ชาวบ้านร่วมเข้าไปชี้แจงกับทาง สาธารณะสุขจังหวัด และทางอุตสาหกรรมจังหวัด  โดยชาวบ้านได้สอบภามว่าเรื่องได้ผ่านมาตั้ง 3 เดือนกว่าแล้วทำไม่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

นางสาวรชธภร ฐานะวร ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวเสริมว่า ตนเองได้รับมอบหมายจาก ผู้อำนวยการทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระบุรี โดยทางทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระบุรี ได้รับเรื่องมาตั้งแต่ได้มีการร้องเรียนแล้ว โดยบอกว่าทาง ผวจ.ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยมีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบจากอุตสาหกรรมจังหวัด  สิ่งแวดล้อมควบคุมที่ 7  ซึ่งทางส่วนราชการได้มีคำสั่งให้โรงงานปรับปรุงแก้ใข ในเรื่องของฝุ่นละออง กลิ่นเหม็น โดยทางหน่วยงานได้ดำเนินการติดตามมาโดยตลอดโดยย้ำว่าไม่มีการดองเรื่องไว้อย่างแน่นอน 

จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้เดินทางไปยังห้องประชุมภายในศูนย์ดำรงธรรม เพื่อพบกับ สาธารณะสุขจังหวัด และอุตสาหกรรมจังหวัด โดยทางอุสาหกรรมจังหวัดได้เข้ามาชี้แจงกับชาวบ้านว่า หลังจากนี้ทางอุตสาหกรรมจังหวัด จะลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบโรงงานอีกครั้ง ถ้าหากว่ายังไม่ได้รับการแก้ไขไดๆ เนื่องจากว่าทางอุตสาหกรรมจังหวัดได้สั่งให้ดำเนินการแก้ไขในเรื่องขยะเปียกที่ส่งกลิ่นเหม็น ควันที่พวยพุ่ง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน แต่ถ้าเข้าไปตรวจสอบแล้วยังไม่ได้รับการแก้ไข ทางอุสาหกรรมจังหวัดก็จะสั่งปิดโรงงาน เพื่อให้ไปปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต่างพอใจ และแยกย้ายกันกลับ

ทางด้านนายดิเรก คำเยาว์ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า วันนี้ที่ชาวบ้านรวมตัวกันมายื่นหนังสือเนื่องจากว่าได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็น ควัน ฝุ่นละออง ของโรงงาน เอ็น15 ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาชาวบ้านได้รวมตัวกันประท้วงไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้รับการแก้ไขอะไรเลย ทุกวันนี้ก็ยังมีควันพวยพุ่งอยู่ แต่ทางโรงงานใช้วิธีการผลิตตอนช่วงเวลา 4 ทุ่มถึง 2 โมงเช้า ซึ่งทางอุตสาหกรรมนั้นมีคำสั่งให้ทางโรงงานชลอการผลิต และปรับปรุง ซึ่งทางอุตสาหกรรมก็ได้ยึดค่าปรับจากโรงงาน แต่ทางโรงงานยอมเสียค่าปรับ และทำการผลิตอยู่  ทำให้ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้ทางโรงงานจะผลิตช่วง 2 ทุ่มไปจนถึง 2 โมงเช้า ถ้าวันเสาร์ อาทิตย์ จะผลิตทั้งวัน ทุกวันนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ซึ่งทางโรงงานก็รับปากว่าจะแก้ไขจะปรับปรุง แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย