หากกล่าวถึงสถานที่ที่สำคัญ สำหรับใช้เป็นเวทีการประชุมเพื่อเจรจาสันติภาพ เพื่อยุติสงครามการสู้รบของมนุษยชาติที่ผ่านๆ มาแล้ว ต้องบอกว่า มีอยู่ด้วยกันไม่กี่แห่ง ไม่กี่ประเทศ
อย่าง “กรุงเวียนนา” เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ดินแดนที่ถูกยกย่องให้เป็นถิ่น “คีตกวี” ก็เคยถูกใช้เป็นเวทีเจรจาสันตภาพอันเลื่องชื่อ หลัง “สงครามนโปเลียน” ซึ่งเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพฝรั่งเศสภายใต้การนำพระเจ้านโปเลียนมหาราช กับบรรดาประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรป จนนำไปสู่ “การประชุมที่เวียนนา” หรือที่เรียกกันจนติดปากในหมู่นักประวัติศาสตร์ยุโรป นักการทูตตะวันตกว่า “คองเกรสแห่งเวียนนา” หรือ “คองเกรสออฟเวียนนา” (Congress of Vienna) เมื่อปี ค.ศ. 1814 – 1815 (พ.ศ. 2357 - 2358) เป็นต้น
โดยการเลือกใช้สถานที่สำหรับการประชุมสันติภาพถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะสถานที่จะเป็นสภาพแวดล้อมที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ชวนให้น่าเจรจาของฝ่ายต่างๆ นอกเหนือจากฝ่ายที่ขัดแย้งกันแล้ว ยกตัวอย่าง ฝ่ายต่างๆ ที่ขัดแย้งกันในสงครามนโปเลียน เป็นต้น ที่แรกเริ่มเดิมทีนั้น ก็ได้มีตัวเลือกสถานที่ในหลายประเทศ สำหรับใช้เป็นเวทีการประชุมเจรจาสันติภาพ ซึ่งรวมถึงประเทศอังกฤษ ในฐานะผู้ชนะสงครามในครั้งนั้น แต่ปรากฏว่า กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดการประชุม ด้วยเหตุผลเรื่องบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่ชวนให้น่าเจรจากันมากกว่า
สำหรับ “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” ที่ “กองทัพยูเครน” กำลังโรมรันพันตูกับ “กองทัพรัสเซีย” ผู้รุกราน แห่งยุคนี้ก็เช่นกัน ฝ่ายต่างๆ ได้พยายามหาทางที่จะทำให้เกิดการประชุมเพื่อเจรจาสันติภาพ ยุติสงคราม ที่กำลังมีการสู้รบระหว่างกันนี้ขึ้น หลังสงครามได้เริ่มปะทุขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) เป็นต้นมา ถึง ณ ชั่วโมงนี้ สร้างความสูญเสียทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน ให้แก่กันเป็นจำนวนมากทั้งสองฝ่าย รวมถึงส่งผลกระทบในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจโลกเราเป็นส่วนรวม
โดยที่ผ่านมา ก็มีหลายสถานที่ ในหลายประเทศ ถูกนำเสนอให้เป็นสถานที่สำหรับการจัดประชุมเจรจาสันติภาพ ดับไฟสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กำลังลุกโชนนี้ขึ้น ก่อนจะไปตกลงที่ “สวิตเซอร์แลนด์” ประเทศที่มีสภาพภูมิประเทศสวยงามประเทศหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เอื้อต่อการเจรจาเพื่อทำสันติภาพระหว่างกัน
สถานที่ที่จะใช้สำหรับจัดการประชุมที่ว่านั้น ก็เป็นย่านริม “ทะเลสาบลูเซิร์น” อันงดงาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานตากอากาศ หรือรีสอร์ท อันเลื่องชื่อของสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่ได้รับสมญานามว่า “แดนแห่งนาฬิกา”
โดยทางการสวิตเซอร์แลนด์ กำหนดให้ “โรงแรมเบอร์เกนสต็อค” หรือ “เบอรเกนสต็อครีสอร์ท” ซึ่งเป็นสถานตากอากาศใกล้กับทะเลสาบลูเซิร์น ทางตอนกางของประเทศ เป็นสถานที่เจรจาสันติภาพ และเรียกการเจรจาที่จะมีขึ้นในครั้งนี้ว่า “การประชุมสุดยอดสันติภาพในยูเครน” (Summit on Peace in Ukraine)
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดสันติภาพในยูเครน ที่จะมีขึ้นที่สถานตากอากาศ “เบอร์เกนสต็อครีสอร์ท” ดังกล่าวนั้น จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 15 – 16 มิถุนายน หรือช่วงสุดสัปดาห์นี้
หลังจากนั้นทางการสวิตเซอร์แลนด์ จะส่งเทียบเชิญประเทศและองค์กรต่างๆ ให้มาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นดังกล่าวนั้น
ตามการเปิดเผยของ “นายอิกนาซิโอ คาสซิซ” ผู้ดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวิตเซอร์แลนด์” ระบุว่า มีทางการประเทศต่างๆ และองค์กรทั้งหลาย ได้ลงทะเบียนตอบรับว่าจะเข้าร่วมประชุมข้างต้น จำนวนมากกว่า 90 ประเทศ/องค์กรด้วยกัน
ว่ากันถึงการประชุมสุดยอดดังกล่าวที่จะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก็เป็นไปตามคำร้องขอของ “ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำเครน” เมื่อช่วงเดือนมกราคมต้นปีนี้ ก่อนที่ทางการสวิตเซอร์จะตอบตกลงว่าจะรับหน้าเสื่อเป็นสถานที่สำหรับจัดประชุมสุดยอดเพื่อสันติภาพขึ้น
โดยรัฐมนตรีคาสซิซ กล่าวว่า เป้าหมายการประชุมสุดยอดข้างต้นนั้น ก็เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการ หรือโรดแมป ในการหาทางทำให้รัสเซียและยูเครน เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างสันติภาพให้บังเกิดขึ้นในอนาคตว่าจะทำกันอย่างไร
นอกจากนี้ ในเวทีการประชุมสุดยอดดังกล่าว ก็เพื่อหารือในประเด็นที่บรรดานานาประเทศวิตกกังวล ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายประการ เช่น ผลกระทบของสงครามการสู้รบที่ก่อให้เกิดปัญหาความมั่นคงทางอาหารให้แก่โลกเราตามมา ซึ่งหลายๆประเทศ ได้ประสบกับผลกระทบนี้ในช่วงที่ผ่านมา ความหวาดผวาการสู้รบที่อาจจะลุกลามบานปลายกลายเป็นการนำอาวุธนิวเคลียร์ ตลอดจนอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงมาห้ำหั่นสัประยุทธ์กัน โดยเฉพาะจากทางฟากฝั่งรัสเซีย และยังมีประเด็นปัญหาอื่นๆ ได้แก่ เรื่องเสรีภาพการเดินเรือ ปัญหาด้านมนุษยธรรม และเรื่องเชลยศึกสงคราม ที่ต่างฝ่ายต่างจับทหารของอีกฝ่ายไปเป็นเชลย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการเจรจาในการประชุมสุดยอดสันติภาพในยูเครนครั้งนี้ ซึ่งมีว่าจะมีสภาพบรรยากาศแวดล้อมที่ชวนให้เจรจา แต่เหล่านักวิเคราะห์หลายคนก็แสดงทรรศนะว่า อาจจะไม่ประสบความสำเร็จตามหมุดหมายที่ตั้งเป้าเอาไว้
ทั้งนี้ เนื่องจากคู่สงคราม และเป็นผู้ก่อสงครามครั้งนี้ ในฐานะผู้รุกราน อย่าง “รัสเซีย” ไม่ได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นในครั้งนี้ด้วย อันสืบเนื่องจากทางการสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ได้ส่งเทียบเชิญไปยังทำเนียบเครมลิน ซึ่งเป็นผลจากการที่รัสเซีย แสดงท่าทีตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่สนใจที่จะเข้าร่วมประชุม แถมมิหนำซ้ำยังระบุด้วยว่า การประชุมดังกล่าวนั้น “เสียเวลาเปล่า”
ใช่แต่เท่านั้น ทางการจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศพี่เบิ้มใหญ่ และมีบทบาทสำคัญต่อรัสเซียในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจและการทหาร ก็ไม่ได้ตอบรับเข้าร่วมประชุมสุดยอดสันติภาพในครั้งนี้ แถมยังกล่าวอ้างด้วยว่า เป็นการประชุมที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากรัสเซียไม่ได้เข้ามาส่วนร่วม