เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.67  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นต่อกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ชี้แจงว่าจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 11-25 มิ.ย.นี้ ว่า ต้องการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ เพื่อนำความเห็นดังกล่าวประกอบการตัดสินใจโดยกระทรวงสาธารณสุข ว่า เป็นการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งตนเคารพและไม่ขอก้าวก่าย แต่อยากจะพูดในเชิงหลักการว่า การเปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องใดๆนั้นเป็นกระบวนการที่ทำได้และสำคัญสำหรับวัฒนธรรมประชาธิปไตย แต่ในเรื่องที่มีรายละเอียดซับซ้อนโดยเฉพาะเรื่องที่เป็นวิทยาศาสตร์ก็ต้องเข้าใจว่าผู้ให้ความเห็นบางครั้งอาจไม่มีเวลาศึกษาหรือมีช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลอย่างครบถ้วนก่อนออกความเห็น ความเห็นนั้นจึงควรถูกรับฟังแต่ไม่ควรถือเป็นปัจจัยทั้งหมดในการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ต้องรอบคอบรอบด้าน

“การปลดล็อคพืชสมุนไพรกัญชานำออกจากความเป็นยาเสพติด คือการคืนสิทธิในการเข้าถึงให้ประชาชน แล้วกำกับควบคุมการใช้งานด้วยกฎหมาย แต่การนำกลับเป็นยาเสพติดคือการริบสิทธิ์นั้นทั้งหมด แล้วค่อยๆออกประกาศให้บางคนขออนุญาตเข้าถึงได้ โอกาสในการใช้ประโยชน์จะต่างกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดลึกซึ้งและต้องพิจารณากันหลายมิติ”นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่า ประชาชนเลือกตัวแทนเข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อทำงานและตัดสินใจแทนในเรื่องที่ซับซ้อนให้โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ เราจึงไม่สามารถโยนภาระการตัดสินใจในเรื่องที่ซับซ้อนทุกเรื่องกลับไปที่ประชาชน ซึ่งตนเชื่อว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็เข้าใจหลักการเหล่านี้ดี

ทั้งนี้ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รมว.สาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า ใน 2 วันแรกของการเปิดรับฟังความเห็นทางเว็บไซต์ร มะบบกลางทางกฎหมาย มีประชาชนที่ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดมากกว่าเสียงของประชาชนที่เห็นด้วย  

ในขณะที่ตัวแทนภาคประชาชนจากเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยที่ออกมายื่นข้อเรียกร้องต่อกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าการออก พ.ร.บ.กัญชาฯเพื่อกำกับควบคุมการใช้ประโยชน์จากกัญชา คือทางออกที่ดีกว่าการนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด.