วันที่ 13 มิ.ย. ที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินวงวียนใหญ่ พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8 พร้อม พ.ต.อ.รัตน์เกล้า อาณานุการ ผกก.สน.บุปผาราม นำข้าราชการตำรวจสังกัด บก.น.8 ร่วมกับผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร และ นักศึกษาหลักสูตร บรอ.11 นำหมวกนิรภัย จำนวน 200 ใบ มาแจกจ่ายให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อรณรงค์และสร้างจิตสำนึกให้เคารพกฎจราจร ลดอันตรายจากการได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

พล.ต.ต.ภานพ ยกตัวอย่างถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อช่วงเที่ยงคืน วันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลัง พนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ได้รับแจ้งเหตุ รถ จยย.เสียหลักชนราวสะพานพลิกคว่ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บบริเวณสะพานข้ามคลองแจงร้อน ถนนสุขสวัสดิ์ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ น.ส.นิชานันท์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ผู้ขับขี่ รถ จยย.ยามาฮ่า สีขาวแดง ทะเบียน 7 ขฉ 7548 กรุงเทพมหานคร เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุทันที  ส่วนเพื่อนที่ซ้อนท้ายมาด้วยกัน ชื่อ น.ส.ชนนิกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส กู้ภัยนำตัวส่ง รพ.สุขสวัสดิ์

หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน ตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐาน ในเบื้องต้นแล้ว พบร่องรอยการเสียหลักของ รถ จยย.เฉี่ยวเข้ากับราวสะพาน จนเลยไปเสยขอบฟุตบาธอย่างรุนแรง และทำให้กระถางต้นไม้ในบริเวณนั้นได้รับความเสียหาย สิ่งที่น่าเสียใจคือ ทั้งผู้เสียชีวิต และ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครสวมใส่หมวกนิรภัยเลย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่นี้ขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเพื่อนๆ และญาติผู้ตายเดินทางมาดูศพในที่เกิดเหตุแล้วไม่เชื่อว่า ผู้ประสบเหตุทั้ง 2 ราย เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุการจราจร ทำให้นำเรื่องไปร้องทุกข์กับสื่อมวลชน เพราะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายล้วนคาใจ และต่างก็ยืนยันว่า ผู้ตายใช้ถนนเส้นทางดังกล่าวเดินทางไปกลับจากทำงานเป็น PR ย่านพระประแดงเป็นประจำ ประกอบกับไม่ใช่คนขับขี่รถ จยย.ใช้ความเร็วสูง

“แต่เมื่อพนักงานสอบสวน รอให้บุคคลซ้อนท้าย ซึ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บอาการดีขึ้นแล้วทำการสอบปากคำอย่างละเอียด ได้คำยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตาย ซึ่งกำลังขับขี่ รถ จยย.ได้เอี้ยวตัวทำการหยิบของ คาดว่าอยู่ในกระเป๋าสะพายซึ่งตกอยู่ข้างกันกับร่าง ณ จุดเกิดเหตุ จนเป็นสาเหตุให้ รถ จยย.ที่กำลังแล่นอยู่เสียหลักเฉี่ยวชนราวสะพาน และพุ่งไปเสยฟุตปาธซ้ำ โดยเมื่อทั้งคู่ ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย ทำให้เกิดบาดแผลอันตรายร้ายแรง จนส่งผลให้ผู้ตายเสียชีวิต อย่างไรก็ตามตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการหาหลักฐาน อาทิ กล้องวงจรปิดและพยานปากอื่นๆ มายืนยันในทุกมิติ เพื่อให้ญาติและเพื่อนๆ ผู้ตายไร้ข้อกังขา และอยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะเคารพกฎจราจรเพื่อลดการสูญเสียด้วย” พล.ต.ต.ภานพ กล่าว.