สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ...*...

รัฐบาลปัจจุบันเริ่มต้นทำงานด้วยสถานะ “ต้นทุนต่ำ” จากการจับมือข้ามขั้วของพรรคที่มีจุดยืนอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่าง มีการตระบัดสัตย์จากสิ่งที่เคยประกาศไว้ในช่วงหาเสียง ฉะนั้น จึงไม่มีช่วงเวลาของการฮันนีมูน ต้องเร่งสร้าง “ผลงาน” เพื่อดึงเรตติ้ง กอบกู้ศรัทธากลับคืน ...*...  

ทว่า หลังผ่านพ้นมาหลายเดือน ดูเหมือนรัฐบาลจะยังไม่สามารถสร้างผลงานที่ประทับใจ โดยเห็นได้จากเสียงสะท้อนจากนิด้าโพลเมื่อไม่กี่วันก่อน เรื่อง “ขอถามบ้าง … 9 เดือน รัฐบาลนายกฯเศรษฐา” เมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ในรอบ 9 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.35 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ เพราะการบริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ มีความล่าช้า และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากเดิม รองลงมา ร้อยละ 31.69 ระบุว่า ไม่พอใจเลย เพราะไม่มีความก้าวหน้าในการทำงาน และไม่สามารถทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ร้อยละ 25.19 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ เพราะมีความพยายามผลักดันนโยบายต่าง ๆ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และเห็นผลงานที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ร้อยละ 7.40 ระบุว่า พอใจมาก เพราะ มีความตั้งใจในการทำงาน ช่วยเหลือประชาชน ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ...*...

ด้านความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ในการแก้ไขปัญหาของประเทศนั้น พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 35.95 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย เพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น ผลงานยังไม่ชัดเจน แก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ รองลงมา ร้อยละ 35.04 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น เพราะการทำงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ร้อยละ 22.14 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น เพราะ มีประสบการณ์ในการทำงาน มีทักษะด้านการบริหาร สามารถทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นได้ ร้อยละ 5.42 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก เพราะรัฐบาลมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา มีการบริหารที่ดีสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ และร้อยละ 1.45 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ...*...

เป็นการตอกย้ำผลสำรวจของโพลสถาบันพระปกเกล้าในช่วงปลายเดือนก่อน ที่มีผู้อยากให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯเพียงร้อยละ 8.7 ตามหลังทั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (ร้อยละ  10.5 )พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ (ร้อยละ 17.7)     และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ร้อยละ 46.9) ...*...

ขณะที่นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลเรื่องการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิตอลวอลเล็ตก็เป็นไปอย่างตะกุกตะกัก มีการเปลี่ยนแปลงไปมา จนผู้คนไม่มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้จริงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อย่างที่มีการประกาศไว้หรือไม่ ...*...

ปกติ เมื่อรัฐบาลมีปัญหาด้านความนิยม มักจะใช้วิธีปรับครม.เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ดึงความมั่นใจจากประชาชน แต่สำหรับรัฐบาลนายกฯเศรษฐานั้น การปรับครม.นอกจากไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว กลับแย่ลงอีกต่างหาก เพราะไม่ทันไรก็มีรัฐมนตรีลาออกถึง 3 คน อีกทั้งทำให้นายกฯเศรษฐาตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงทางกฎหมายกับการถูกถอดพ้นจากตำแหน่ง ...*...

และเป็นผลกระทบต่อเนื่องให้ภาพการเมืองเต็มไปด้วยความอึมครึม หลังผสานรวมกับปัจจัยลบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคดียุบพรรคก้าวไกล คดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯถูกกล่าวหาทำผิดมาตรา 112 การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อาจกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ ฉุดให้ประเทศไทยวนลูปกลับไปตกหลุมดำอีกครั้ง ภาวะเศรษฐกิจจึงพลอยคลอนแคลนหนัก ดัชนีหุ้นทำสถิติตกต่ำสุดรอบ 4 ปี ...*...

เมื่อประกอบกับความจริงที่ว่า นายเศรษฐาแม้จะเป็นนายกฯจากพรรคเพื่อไทย แต่กลับไม่มีฐานกำลังในพรรคของตัวเองแม้แต่น้อย รวมไปถึงกระแสความนิยมนอกพรรคก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินจากผลสำรวจของโพลสถาบันพระปกเกล้าดังกล่าว จึงไม่แปลกที่ทำไมหลายภาคส่วนถึงได้ให้น้ำหนักกับข่าวลือเรื่องเปลี่ยนตัวนายกฯจากนายเศรษฐา หากพรรคเพื่อไทยต้องการอยู่ในอำนาจต่อไป ไม่ว่าจะมีเรื่อง “ดีลลับ” จริงหรือไม่ก็ตาม ...*...

ที่มา:เจ้าพระยา (13/06/67)