เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.67 สำนักข่าวต่างมประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล เข้าปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคน ที่ออกมาประท้วงบริเวณด้านนอกของรัฐสภาแห่งชาติ ในเมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) 

รายงานข่าวแจ้งว่า การปะทะกันระหว่างกองกำลังปราบจลาจล และบรรดากลุ่มผู้ประท้วงเริ่มขึ้นจากเหตุวุ่นวายที่ผู้ประท้วงพยายามฝ่าแผงกั้นของตำรวจ เพื่อเข้าไปยังบริเวณรัฐสภาที่มีการอภิปรายของสมาชิกวุฒิสภา จากนั้นผู้ประท้วงที่เกิดความไม่พอใจเริ่มระดมขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจ จนตำรวจต้องตอบโต้ด้วยการฉีดสเปรย์พริกไทยเข้าใส่ และมีการยั่วยุตอบโต้กันไปมาตั้งแต่เช้ายันค่ำ

ต่อมา ในช่วงค่ำ เจ้าหน้าที่พยายามผลักดันกลุ่มผู้ประท้วงให้ล่าถอยด้วยการใช้โล่หนา ขณะที่เจ้าหน้าที่บางส่วนขับขี่มอเตอร์ไซค์ในการขับไล่ แต่ผู้ประท้วงที่โกรธแค้นได้โต้กลับด้วยการจุดไฟเผารถยนต์ จำนวน 2 คัน โดยคันหนึ่งเป็นขององค์กรสื่อท้องถิ่น และอีกคันเป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้น้ำแรงดันสูงฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงด้วย


ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้นัดหยุดงานมาประท้วง ในขณะที่สมาชิกวุฒิสภากำลังเปิดประชุมเพื่อหารือนโยบายการปฏิรูปที่สำคัญของประธานาธิบดี ฮาเวียร์ มิเล ฝ่ายขวาจัด เกี่ยวกับการตัดงบประมาณเพื่อรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจ โดยมีสาระสำคัญ คือ การประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจเป็นเวลา 1 ปี และให้อำนาจประธานาธิบดีในการยุบหน่วยงานของรัฐและสามารถแปรรูปบริษัทมหาชนประมาณ 12 แห่ง รวมถึงสายการบินแอโรลิเนียส อาร์เจนตินา ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ

นอกจากนี้ยังมีการลดการเข้าถึงเงินเบี้ยเลี้ยงขั้นต่ำสำหรับเกษียณอายุ และลดการคุ้มครองแรงงานด้วยการอนุญาตให้มีภาคทัณฑ์ที่ยาวนานขึ้น ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวถูกคัดค้านโดยองค์กรทางสังคม รวมไปถึงพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย, กลุ่มผู้เกษียณอายุ, ครู และสหภาพแรงงาน ซึ่งเชื่อว่าร่างกฏหมายฉบับนี้จะทำให้สังคมและประเทศถอยหลังไป 100 ปี


#ปะทะเดือด #อาร์เจนติน่า #ข่าวต่างประเทศ