วันที่ 12 มิ.ย.67 ที่ สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ร.ต.ท.สันติชล หุมอาจ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งความจาก จนท.ตำรวจน้ำสัตหีบ ว่า เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 3 ลำ ของกลางในคดี ที่ถูกควบคุมให้ทอดสมออยู่ในอ่าวสัตหีบ ได้หนีหายไป เมื่อกลางดึกของวันที่ 11 มิ.ย.67 และคาดว่าน่าจะมุ่งหน้าไปทาง จ.ตราด และเข้าไปในเขตทะเลประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

จากการสอบถามทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.67) พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. (ตร.น้ำสัตหีบ) ได้รับแจ้งว่า เรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย 1. เรือ เจ.พี. มีของกลาง น้ำมันเถื่อนประมาณ 80,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ 7 คน  2. เรือซีฮอต มีน้ำมันเถื่อนประมาณ 150,000 ลิตร ลูกเรือ 6 คน และ 3. เรือดาวรุ่ง มีน้ำมันเถื่อนประมาณ 100,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ จำนวน 5 คน ได้หายไปจากจุดทิ้งสมอ  สืบเนื่องจาก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย.67 มีพายุเข้าในพื้นที่ อำเภอสัตหีบ มีกระแสลมแรง ทำให้สะพานตำรวจน้ำ ไม่สามารถรองรับนำหนักเรือของกลาง ที่จอดอยู่บริเวณหัวสะพานทั้งหมดได้ จึงให้เรือของกลางฯ ทั้ง 3 ลำ ออกไปลอยลำเพื่อทำการทิ้งสมอ ในระยะปลอดภัย ห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร

และในเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. พร้อมด้วย ข้าราชการตำรวจ ในสังกัด ส.รน.3 กก.5 บก.รน.(ตำรวจน้ำสัตหีบ) ได้นำเรือตรวจการณ์ 815 และ เรือตรวจการณ์ 632 ออกทำการค้นหา เพื่อติดตามเรือของกลาง จำนวน 3 ลำ กลับมา 

เมื่อเวลา 11.00 น. เรือตรวจการณ์ 815 และ 632 ยังคงทำการค้นหา ปัจจุบันยังไม่พบเรือ ของกลาง จำนวน 3 ลำ แต่อย่างใด โดยเรือทั้งหมด ถูกตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (กก.2 บก.ปอศ.) จับกุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค.67 ที่ผ่านมา  โดยเรือน้ำมันเถื่อนของกลางทั้งหมด จอดรวมกันในวันที่เกิดเหตุและได้เกิดพายุลมแรง จึงให้นำเรือทั้งหมดออกไปจอดทอดสมอห่างจากฝั่งประมาณ 100 เมตร

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ตำรวจที่เข้าเวรยังมองเห็นเรือดังกล่าวเปิดไฟ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 11 มิ.ย.67 กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. เรือทั้งหมดได้ดับไฟ จนกระทั่งช่วงเช้าจึงพบว่าเรือหายไปแล้ว จึงมสแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งคลี่คลายคดีอย่างเร็วที่สุด โดยให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกค้นหา ทั้งทางเรือและทางอากาศ เนื่องจากของกลางหายเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะอยู่ในความควบคุมของตำรวจ โดย พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. ได้ตั้งกรรมการสอบสวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด และหาผู้กระทำผิดมารับผิดชอบต่อไป

สำหรับเรือทั้ง 3 ลำ ที่หายไปในครั้งนี้ เป็นเครือข่ายของ “โจ้ น้ำมันเถื่อน” หรือ “โจ้ ปัตตานี” ซึ่งเป็นขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ ที่หลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อนหลายคดีอยู่ในต่างประเทศ