หนุ่มไกด์ท่องเที่ยว ร้องสายไหมต้องรอด หลังนำเงินไปฝากตู้ ATM แต่ดันลืมกดยืนยัน คู่ชายหญิงที่มาทำธุรกรรมต่อ ได้หยิบเงินจำนวน 30,000 บาทไป วอนขอให้นำมาคืน 


วันนี้ นายเอกพันธ์ มนตรี หรือนายเต๋อ อายุ 33 ปี ประกอบอาชีพเป็นไกด์นำเที่ยว เดินทางมาขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด  เนื่องจากวันที่ 10 มิ.ย. เวลา 16.02 น. นายเต๋อ นำเงิน 30,000 บาท ไปฝากที่ตู้ ATM ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ แต่ตอนที่ไปฝากเงินตู้ธนาคารขัดข้อง ซึ่งตัวนายเต๋อไม่ทราบ ทำให้คนที่มาใช้บริการต่อจากนายเต๋อ (ผู้เสียหาย) ไปกดยกเลิกทำรายการและหยิบเงินออกไปหน้าตาเฉย พอไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็พบว่าคนที่นำเงินออกไปเป็นผู้ชายและผู้หญิง

นายเอกพันธ์ ยอมรับว่า การทำธุรกรรมในวันนั้นตัวเองมีความเร่งรีบ นัดลูกค้าไว้ จนทำให้ลืมกดคำว่า “ยืนยัน”  ตอนนั้นคิดว่า ตู้เอทีเอ็มได้ทำงานตามระบบไปแล้วตามปกติ เนื่องจากได้ยินเสียงดัง จากการทำงานของตู้เอทีเอ็ม และคิดว่าจะมีการส่ง SMS มายืนยันภายหลัง ปรากฏว่าหลังจากที่ผ่านไปซักระยะหนึ่ง ไม่มี SMS มายืนยัน ตัวเองจึงตัดสินใจวิ่งกลับไปที่ตู้เอทีเอ็ม และเห็นคนอื่นใช้บริการตู้นี้ตามปกติ จึงได้ไปสอบถามธนาคารว่า เห็นบุคคลใดหยิบเงินของตัวเองไปหรือไม่  ซึ่งทางธนาคารก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยการนำเงิน ภายในตู้ออกมานับ ปรากฏว่าเงินภายในตู้เอทีเอ็มมีอยู่จำนวนเท่าเดิม นั่นหมายความว่าเงินที่ตัวเองฝากไปไม่ได้เข้าไปในระบบตั้งแต่แรก แต่ทางธนาคารไม่ยอมตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทำให้ล่าช้าในการติดตามตัวบุคคลที่หยิบเงินไป โดยอ้างว่าความเสียหายอยู่นอกธนาคาร ไม่ได้อยู่ภายในธนาคาร ซึ่งตนเองยืนยันว่า หากเปิดกล้องวงจนปิดได้เลย จะสามารถติดตามคนที่นำเงินไปได้ทันที

เนื่องจาก ก่อนที่ตัวเองจะทำธุรกรรมเห็น ชายหญิงคู่หนึ่งยืนทำธุรกรรมอยู่ที่ตู้เอทีเอ็มติดกัน โดยตัวเองยังได้มีการแนะนำว่า ตู้ดังกล่าวขัดข้องไม่สามารถทำธุรกรรมได้  อีกทั้งยังสังเกตุเห็นว่าพฤติกรรมของทั้ง 2 คน ไม่น่าจะเป็นคนไทย เพราะมีพาสปอร์ต จึงเกรงว่า จะทำให้ติดตามตัวคนที่นำเงินไปได้ยาก แต่ส่วนตัวก็ยังมีความหวัง ว่าจะได้เงินคืน เพราะที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยคิดเอาเงินของคนอื่น ดังนั้น หากคนที่หยิบเงินไปเห็นคลิปที่มีการเผยแพร่ วิงวอนให้ช่วยติดต่อตำรวจ สน.ลาดพร้าว หรือติดต่อมาที่ตัวเองได้ ซึ่งขณะนี้แล้วได้ไปแจ้งความกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นตำรวจบอกว่าตอนนี้กำลังแกะรอยจากกล้องวงจรปิดในห้าง เพื่อดูเส้นทางการหลบนี้ของคนร้าย หากคนร้ายเอาเงินมาคืนตัวเองจะไม่เอาเรื่อง เพียงอยากจะบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่ดี จึงอยากให้คนที่เอาเงินไปหยุดพฤติกรรมดังกล่าว