หมายเหตุ : “นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตสส.พัทลุง ให้สัมภาษณ์ “สยามรัฐ” ต่อความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีความเข้มข้นในหลายด้าน ห้วงเวลาเดียวกัน ทั้งในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล โดยมีกรณีของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแปรสำคัญ
-ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้ ยังเหนียวแน่น เหมือนเดิมหรือไม่ หลังจากที่ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ออกมาพาดพิงถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล
ผมมองว่าความสัมพันธ์ยังไม่มีปัญหา เมื่อฟังจากการที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ดี เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ผมคิดว่าความสัมพันธ์ยังไม่มีปัญหา ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งถือว่าเป็นพรรคที่ได้รับผลกระทบโดยตรงพอสมควร เพราะคุณทักษิณ กล่าวถึงอำนาจเก่า แต่พรรครวมไทยสร้างชาติเองก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจอะไร แสดงว่าทุกพรรคการเมืองยังหวังที่จะเป็นรัฐบาล ด้วยกัน
มันจะเป็นปัญหาเมื่อมีการแตกแยกกันในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ตอนนี้คิดว่ายังไม่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องของบิ๊กป้อมกับคุณทักษิณ เท่านั้น ซึ่งทางด้านบิ๊กป้อม เองท่านก็ไม่ได้เข้ามาอยู่ในรัฐบาลด้วย ขณะเดียวกันอำนาจทางการเมืองของท่านในด้านอื่นๆก็ลดน้อยถอยลงไปด้วย
-การที่คุณทักษิณ ออกมาเปิดหน้าแบบนี้ พอที่จะประเมินท่าทีอย่างไรบ้าง หลายคนมองว่าเป็นการส่งสัญญาณสู้กลับ
ผมมองว่าเป็นการส่งสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าคุณทักษิณ กังวลมากกว่า เมื่อเราดูจากสีหน้าคุณทักษิณเมื่อวันที่ให้สัมภาษณ์ ที่จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นสีหน้าที่ไม่ได้สบายใจนัก มีความกังวลอยู่ในเรื่องของคดีมาตรา 112
ประการที่ต่อมาคือการที่ คุณทักษิณ เองรู้ดีว่ามันเป็นชนักที่ค่อนข้างสู้ได้ยาก จะเดินหน้าก็ยาก จะถอยหลังก็ยาก เพราะฉะนั้นจึงเป็นจังหวะที่คุณทักษิณ ต้องตัดสินใจ สำหรับชีวิตและอนาคตของตัวเอง
-สอดคล้องกับความเคลื่อนไหว ที่มีข่าวว่า ทีมกฎหมายของคุณทักษิณ ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมมายังอัยการสูงสุดแล้ว เพื่อยื่นเหตุผลเพิ่มเติมคัดค้านคำสั่งฟ้อง ในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ผมก็ได้ข่าวเช่นกันว่าทีมทนายของคุณทักษิณยื่นคำร้องขอให้อัยการสูงสุดทบทวน แต่เรื่องนี้เราพูดได้เลยว่า คำร้องของคุณทักษิณที่ให้อัยการสูงสุดทบทวน เป็นเรื่องไร้สาระมาก ซึ่งอัยการสูงสุดไม่ทบทวนหรอก เพราะการที่สั่งฟ้อง แสดงว่าได้ทบทวนแล้ว เนื่องจากคุณทักษิณ เคยร้องขอความเป็นธรรมมาแล้ว และอัยการสูงสุดท่านใหม่ ก็ทบทวนแล้ว จากนั้นได้ยืนยันความเห็นของอัยการสูงสุดว่าเห็นควรสั่งฟ้องได้ ดังนั้นอัยการสั่งไม่ทบทวนอีกแล้ว
- คนมองว่าเดือนมิถุนาเดือด เพราะมีหลายเรื่องมารวมกัน ทั้งคดีคุณทักษิณ คดียุบพรรคก้าวไกล และการเลือกสว.ชุดใหม่ แต่โดยรวมสิ่งเหล่านี้จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล
ผมเชื่อว่าไม่กระทบเลย สำหรับกรณีคดีของพรรคก้าวไกลนั้น ในเดือนมิ.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคำสั่ง นัดแรก ซึ่งกว่าจะวินิจฉัยได้ ผมให้เวลาประมาณ 3-4เดือนเป็นอย่างน้อย ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ตัดสินในเดือนมิ.ย.นี้เลย
ประเด็นที่สอง คดีของคุณทักษิณ ในมาตรา 112 ต้องดูว่า ศาลจะให้ประกันหรือไม่ ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้เมื่อคุณทักษิณ ไปตามนัดรายงานตัวส่งฟ้องคดี ผมเชื่อว่าน่าจะได้ประกัน แต่ทั้งนี้ก็มีประเด็นว่าคุณทักษิณ เคยหนีคดีมาก่อนแล้ว ถ้าได้ประกันไป จะหนีอีกหรือไม่ คิดว่าศาลก็ต้องพิจารณากันมากพอสมควร
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล็กๆที่เราต้องดู คือเรื่องของความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย คือวันที่คุณทักษิณ ไปศาลแล้วถูกฟ้อง ก่อนที่จะยื่นขอประกันตัว ต้องมีการควบคุมตัวก่อน ที่ชั้นล่างใต้ถุนศาล ร่วมกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ซึ่งมีมาก
ดังนั้นเราต้องดูว่าวันนั้นคุณทักษิณ ถูกขังที่ใต้ถุนศาลจริงหรือไม่ ผมเชื่อว่าสื่อคงได้ภาพมา แต่ถ้าเราไม่เห็นภาพว่าคุณทักษิณ ถูกขังอยู่ใต้ถุนศาล แสดงว่าคุณทักษิณ ไม่ได้ถูกขังอยู่ในห้อง ดังนั้นศาลจะไปขังคุณทักษิณที่ไหน ในช่วงเวลาที่รอการประกันตัว
ประการต่อมาต้องดูว่ามีการติดกำไลEM หรือไม่ เราต้องติดตาม เรื่องความเสมอภาคเล็กๆน้อยๆ ซึ่งอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ในกระบวนการยุติธรรมได้
อีกประเด็นหนึ่งซึ่งผมคิดว่าเราไม่ค่อยได้ สังเกตกันเท่าใด โดยผมเห็นข่าวเล็กๆ ว่าปลายเดือนมิ.ย.นี้ศาลจะอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีของกปปส. น่าสนใจว่า เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกแกนนำหลักของกปปส.หลายคน ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกคดีของแกนนำกปปส.บางราย จะถึงที่สุด จะฎีกาไม่ได้ เว้นแต่ว่าจะขอฎีกาหรืออะไรก็ว่ากันไป การที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมา เนื่องจากกปปส.กังวลเรื่องนี้เยอะมาก ซึ่งกปปส.ที่มีอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติพยายามที่จะกดดันให้มีการนิรโทษกรรมโดยเร็ว
เพราะฉะนั้นถ้าปลายเดือนนี้ หากข่าวไม่คลาดเคลื่อน ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษา และยังจำคุกแกนนำกปปส.อีก เขาก็ต้องฎีกา สมมุติว่าหากฎีกา แล้วศาลฎีกาพิพากษา 1ปี จากนี้ลงมาอีก 1ปีศาลฎีกา พิพากษาแล้วกฎหมายนิรโทษกรรม ยังไม่ออกมา เท่ากับว่าแกนนำกปปส. จะต้องติดตคุกจริง ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอีก 1ปี กฎหมายจะออกมาได้หรือไม่
เหตุผลที่ผมมองว่าการนิรโทษกรรม มันจะยาว เนื่องจากไม่มีหรอกที่พรรคเพื่อไทยจะนิรโทษกรรมความผิดทางการเมือง อย่างเดียว โดยไม่รวมคดีม.112 เพื่อช่วยคุณทักษิณด้วย ไม่มีทางยอมให้คุณทักษิณ เสี่ยงคดีม.112 แน่นอน แต่เมื่อเอาคุณทักษิณ พ่วงเข้าไปด้วย จะทำให้ความชอบธรรมในการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม มันหายไปจะกลายเป็นว่า การนิรโทษกรรมเพื่อคุณทักษิณ หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้จะเห็นว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขยันขันแข็ง เรื่องม.112 มีเพียงพรรคก้าวไกลเท่านั้น
-ดังนั้นจากนี้ไป พรรคก้าวไกล น่าจะได้แนวร่วมในการผลักดันให้คดีม. 112 ถูกรวมเอาไว้ในร่างกฎหมายนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่
ความล่มสลายของรัฐบาลจะเกิดขึ้นตามมา เมื่อมีคดีม.112 เข้ามาด้วยซึ่งก่อนหน้านี้พรรครวมไทยสร้างชาติเคยประกาศชัดแล้วว่า ไม่เอาคดีม.112 มารวมกับนิรโทษกรรม รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านก็ไม่เอา
ต้องลองนับเสียงดูว่า ถ้าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยรวมกันแล้วจะได้เสียงเกินครึ่งหรือไม่ และถ้าเกินครึ่งก็ต้องไปดูอีกว่า แล้วพรรคก้าวไกลจะถูกยุบหรือไม่ และเมื่อถูกยุบจริง พรรคก็ต้องแตกกันบ้าง สส.กระจายไปอยู่ตามพรรคต่างๆ และหากคนของพรรคก้าวไกล ไปอยู่พรรคบางพรรค ที่มีจุดยืนไม่แตะม.112 ก็จะไม่ยกมือหนุนให้เอาคดีม.112 มารวมในนิรโทษกรรมแน่นอน ดังนั้นเสียงก็จะหายไป เสียงจะเกิน 250 หรือไม่ ซึ่งต้องบอกว่าเสี่ยงอยู่เหมือนกัน
จากนั้นต้องไปดูต่อว่า สว.ที่กำลังเลือกกันเข้ามาใหม่จำนวน 200 คนจะเอาม.112 หรือไม่ ซึ่งหากสว.ชุดใหม่ไม่เอา ด้วย กฎหมายนี้ก็แท้งได้เลย