สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทหารเมียนมา ยังคงมีปฏิบัตการจับกุมประชาชนที่ต้องสงสัยว่า เคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศ เพื่อนำไปซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ภายหลังจากในช่วงที่ผ่านมา ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยไปหลายราย

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทหารเมียนมา ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 6 ราย หลังพบหลักฐานว่า เข้าซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย และยังเปิดบัญชีธนาคารในต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางของเมียนมาอีกด้วย

โดยผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย กรรมการบริษัทมินทู ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเมียนมา ส่วนอีก 3 ราย เป็นผู้ที่มาซื้อคอนโดมิเนียมในงานมหกรรมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

ทั้งนี้ ปฏิบัติการจับกุมดังกล่าว ถือเป็นความพยายามของรัฐบาลทหารเมียนมา ที่ต้องสกัดเงินไหลออกจากเมียนมา ท่ามกลางสถานการณ์ค่าเงินสกุลเงินจ๊าดของเมียนมาอยู่ในภาวะอ่อนค่า โดยเมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ค่าเงินจ๊าดของเมียนมาได้อ่อนค่าลงไปอยู่ที่ 5,000 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นมูลค่าของเงินจ๊าดเหลือเพียงร้อยละ 25 ของมูลค่าเมื่อช่วงปี 2019 (พ.ศ. 2562) ก่อนหน้าที่เชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือโควิด-19 จะแพร่ระบาด

ขณะเดียวกัน บรรดาสื่อมวลชนต่างประเทศรายงานว่า ประชาชนชาวเมียนมา ได้นำเงินออกมาซื้อคอนโดมิเนียมในไทย จนมีมูลค่ารวมแล้วกว่า 2,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขของไตรมาสแรกในปีนี้ โดยเป็นรองเพียงชาวจีนเท่านั้น สำหรับชาวต่างชาติที่มาซื้อคอนโดมิเนียมในไทย ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดในการเข้าซื้อคอนโดมิเนียมของชาวเมียนมาในไทยเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 13.4 เฉพาะในไตรมาสนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า จากระดับร้อยละ 5.4 ในปีที่แล้ว