จากกรณีที่ เพจดังโพสต์คลิปเหตุการณ์นายทหารยศพลโทเข้าไปโวยวายใน สน.ดินแดง หลังจากขับรถไปเฉี่ยวชนแม่ค้าที่มาเปิดบูธจำหน่ายน้ำยาปรับผ้านุ่ม ในตลาดแฟลตดินแดง เพราะไม่พอใจที่ตำรวจเชิญตัวมาโรงพัก แถมด่ากราด “รู้มั๊ยผมคือใคร เดี๋ยวสั่งย้ายทั้งโรงพัก”

ล่าสุด จากการสอบถามทราบว่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. บนถนนประชาสงเคราะห์ ขาออกใกล้ปากซอยประชาสงเคราะห์ 4 ฝั่งตรงข้ามตลาดกลางดินแดง ชายดังกล่าวได้ขับรถไปเฉี่ยวชนแม่ค้าผู้หญิงที่มาเปิดบูธจำหน่ายสินค้าประเภท น้ำยาปรับผ้านุ่ม ในตลาดกลางดินแดง เมื่อตำรวจเชิญตัวมาที่ สน. ด่ากราดรู้มั๊ยผมคือใคร เดี๋ยวสั่งย้ายทั้งโรงพัก ตามคลิปที่ปรากฎ โดยหลังเกิดทางตำรวจได้เชิญตัวมาสอบปากคำที่ สน. จึงเหตุการณ์ตามคลิปที่เห็น เบื้องต้นชายคนดังกล่าวรับข้าราชการจริง เป็นแพทย์ทหาร ยศพลโท ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะกล้องวงวจรปิดของ กทม. ก่อนเรียกตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง พร้อมรับทราบข้อกล่าวหา 
 
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากหญิงผู้เสียหายได้เดินทางมาที่ สน.ดินแดง เพื่อติดต่อจ่ายค่าปรับหลังจากถูกตำรวจล็อกล้อรถกระบะส่งของ บนถนนประชาสงเคราะห์ ขาออกใกล้ปากซอยประชาสงเคราะห์ 4 ฝั่งตรงข้ามตลาดกลางดินแดง แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ โดยหญิงผู้เสียหายมีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจ ซึ่งหลังจากเสียค่าปรับก็เลยขอเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า ถูกชายขับรถไปเฉี่ยวชนลูกน้อง เหตุเพราะคู่กรณีไม่พอใจและเกิดการโต้เถียงกัน เพราะไปจอดรถขวางด้านหน้า ทั้งที่มีระยะห่างกันอยู่หลายเมตร

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบข้อมูลจากทะเบียนรถจนทราบว่าผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จึงประสานตำรวจสายตรวจให้ไปเชิญตัวมาเพื่อพูดคุยสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อชายผู้ก่อเหตุมาถึงเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามคลิป ไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้ามาโวยวายใส่ผู้เสียหายและพนักงานสอบสวน โดยทางพนักงานสอบสวนยืนยันว่าได้พูดจาและอธิบายกับชายดังกล่าวอย่างสุภาพ ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย แต่ฝ่ายผู้ก่อเหตุไม่ยอมให้ปากคำหรือให้ความร่วมมือแต่อย่างใดก่อนจะเดินออกไปจากโรงพัก

ทั้งนี้ ในส่วนของคดีนั้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือส่งตัวให้ผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อนำผลการตรวจมาประกอบสำนวน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนแล้วก็จะออกหมายเรียกให้ผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป