เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ได้นำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่งถนนพระรามที่ 3 ซ.64 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ พร้อมจับกุมตัวนายสาธิต อายุ 42 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น 9 มม. ยี่ห้อ นอริงโก มีร่องรอยลบเลขทะเบียนที่ด้ามปืน 1 กระบอก อาวุธปืนปากกาประดิษฐ์เองหลายแบบ หลายขนาด ใช้ยิงกับกระสุนต่างกัน 6 กระบอก ชุดยิงปืนปากกาไม่มีลำกล้อง 1 กระบอก ลำกล้องปืนปากกา 2 ลำ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์การผลิตปืนปากกา หลายรายการ กระสุนปืนขนาดต่างๆรวม 160 นัด
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวนทางออนไลน์ และมีหลักฐานเชื่อได้ว่านายสาธิต มีอาวุธปืน กระสุนปืน และวัตถุระเบิดผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง และน่าจะนำเอาอาวุธปืน กระสุนปืน ทั้งหมดไปซุกซ่อนไว้ในบ้านหลังดังกล่าว จึงรวบรวมข้อมูลหลักฐานขอศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายค้น
จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายภายในบ้าย เมื่อสอบถามแม่ของนายสาธิต ให้การว่า นายสาธิต มีชื่อเป็นเจ้าบ้านหลังนี้จริง แต่มีบ้านพักอีกหลังอยุ่ใกล้ๆ และยินดีที่จะนำไปตรวจค้นอีกหลัง ได้พบกับนางสาวสุดารัตน์ ภรรยาของนายสาธิต เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหลักฐานที่สืบทราบมาว่านายสาธิต มีอาวุธปืนผิดกฎหมายไว้ในครอบครองให้ดู และขอให้นำไปตรวจยึดอาวุธปืนทั้งหมด ซึ่งได้พาไปยังบ้านอีกหลังห่างไปเพียง10 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็นสิ่งของภายในบ้านและหลักฐานตรงกับรายงานการสืบสวน จึงมั่นใจว่าอาวุธปืนทั้งหมดถูกซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน จึงได้ขออนุญาตแม่และภรรยานายสาธิต เข้าทำการตรวจค้น เพราะเกรงว่าของกลางอาจถูกยักย้ายถ่ายโอนหรือถูกนำไปซุกซ่อนหรือทำลายได้ ซึ่งนางสาวสุดารัตน์ อนุญาตให้ตรวจค้นได้
จากการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวพบอาวุธปืนพกสั้น และอาวุธปืนปากาไม่มีทะเบียน รวม 7 กระบอก กระสุนปืนขนาดต่างๆรวม 160 นัด ชิ้นส่วนและอุปกรณ์การผลิตปืนหลายรายการ ซุกซ่อนอยู่ในตู้ลิ้นชักพลาสติกภายในห้องนอนนายสาธิต ต่อมานายสาธิต ได้เดินทางกลับมาจากที่ทำงานเจ้าหน้าตำรวจจึงทำการจับกุมตัวไว้
เบื้องต้นนายสาธิต ให้การยอมรับว่า ของกลางทั้งหมดเป็นของตนเองจริง และลักลอบผลิตอาวุธปืนขายจริง เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงแจ้งข้อหา ทำ ประกอบ ซ่อมแซม หรือมีอาวุธปืน กระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป