วันที่ 8 มิ.ย.67  นางยุคลธร ไม้เกตุ อายุ 57 ปี ครูพี่เลี้ยงพร้อมครอบครัวเดินทางเข้าร้องนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยนางยุคลธร เล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2563 คู่กรณีที่เป็นเพื่อนบ้านเริ่มด่าทอครอบครัวของเธอโดยช่วงแรกตนไม่รู้ จนกระทั่งคู่กรณีเอ่ยชื่อลูกชายคนเล็กจึงทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาคู่กรณีด่าทอครอบครองของเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายมาตลอด ซึ่งคู่กรณีด่าครอบครัวของตนทั้ง เช้า - กลางวัน - เย็น - ก่อนนอน 

ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากันมาก่อนไม่เคยทะเลาะหรือมีปากเสียงกัน โดยคู่กรณีมีอาชีพเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งลูกชายของเธอมักจะเรียกใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันตนจึงไม่รู้ว่าการที่คู่กรณีหรือเพื่อนบ้านคนดังกล่าวมาด่าครอบครัวของตนเพราะอะไร 

จนกระทั่ง พฤษภาคม 2564  สามีของเธอเริ่มทนพฤติกรรมแบบนี้ไม่ไหว จึงได้ตัดสินใจ เรียกคู่กรณีมาคุยที่บ้านของตน ซึ่งทางคู่กรณีก็ยอมรับว่าตัวเองมีพฤติกรรมเสพยาเสพติดจนเกิดอาการหลอนไปเอง คิดว่าถูกลูกชายคนเล็กของครอบครัวตนไปด่าทอ ทางคู่กรณีจึงได้ขอโทษ และรับปากว่าจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้อีก แต่ผ่านมาได้แค่สัปดาห์เดียวคู่กรณีก็เริ่มมีพฤติกรรมที่หนักขึ้นนอกจากด่าทอด้วยคำหยาบคายแล้วก็เริ่มปาสิ่งของ ครกหิน สากหิน เขียง ก้อนหิน และกระทะไฟฟ้า

หลังจากนั้นครอบครัวทนไม่ไหวจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน. หลักสอง เพื่อให้มาดำเนินการคดีกับคู่กรณีทางพฤติกรรมที่ด่าทอปาของและต้องการให้ตรวจสารเสพติด แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกครอบครัวว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ” นอกจากนี้เมื่อปลายปี 2564 เรื่องนี้กลายเป็นข่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแจ้งข้อหากับคู่กรณีเป็นคดีทำลายทรัพย์สินทำให้เสียทรัพย์ทางคู่กรณี จึงได้ชดใช้เงินมาเป็นจำนวนเงินประมาณ 40,000 บาทหลังจากนั้นคู่กรณีก็ได้เงียบหายประมาณหนึ่งปี

ต่อมา สิงหาคม ปี 2566 คู่กรณีได้ทุบกำแพงจากฝั่งบ้านตัวเองทำให้รั้วบ้านของตนพัง จนไปแจ้งความที่สน.หลักสอง เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกนัดไปไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 66 ทางคู่กรณีก็มาซ่อมแซมให้ แต่ปัจจุบันก็กลับมาด่าทอ ครอบครัวของตนด้วยคำหยาบคายเหมือนเดิม คู่กรณีกล่าวหาว่าครอบครัวของตนไปขโมยของภายในบ้านของคู่กรณีซึ่งตน ยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปภายในบ้านของคู่กรณีมาก่อน 

ซึ่งคู่กรณียังไปโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในกลุ่มของหมู่บ้านว่าบ้านของตน เลี้ยงผีและไปทำของใส่บ้านของคู่กรณีจนทำให้ถูกผีอำ

และที่เดินทางมาร้องเรียนวันนี้ เพราะว่า ครอบครัวรู้สึกไม่ปลอดภัย ตั้งแต่คู่กรณีมีพฤติกรรมแบบนี้มา 5 ปีครอบครัวก็ไม่เคยรู้สึกปลอดภัยอีกเลยคู่กรณียังมีการข่มขู่ว่าจะทำร้ายครอบครัวของตน เพราะก่อนหน้านี้ทางคู่กรณีก็เคยจะทำร้ายร่างกายลูกชายของตนแต่มีคนเข้ามาช่วยไว้ทัน  

นอกจากนี้เมื่อเดือนพฤษภาคม 67 คู่กรณีคนดังกล่าวได้บุกไปหาตนภายในศูนย์เด็กเล็กที่ตนทำงานอยู่ซึ่งภายในศูนย์เด็กเล็กนั้นก็มีเด็กอายุ 2-5 ขวบประมาณ 293 คน ตนจึงกลัวว่าเด็กและบุคลากรภายในศูนย์เด็กเล็กจะได้รับอันตรายจึงได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสน. หลักสองแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่า “คิดมากไปหรือเปล่า“ 

ด้านนางสาวยุพาภรณ์ ไม้เกตุ  ลูกสาว เผยว่า คู่กรณีเป็นชายวัยเกือบ 40 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพัง โดยทางแม่ของคู่กรณีก็ไม่สามารถห้ามปรามหรือควบคุมพฤติกรรมของลูกชายได้ แม่ของคู่กรณี อ้างว่า ถ้าไปด่าลูกชาย ลูกชายก็จะด่ากลับทุกวันนี้แม่ของคู่กรณีจึงทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจว่าลูกชายของตนเองจะมีพฤติกรรมอย่างไร 

ด้าน นายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ  เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเป็นคุณครู มาร้องเรียนขอความช่วยเหลือ หลังถูกเพื่อนบ้านก่อกวนมาตลอดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเพื่อนบ้านรายดังกล่าวมีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งในตอนแรกคู่กรณีก็ยังเคยรับส่งลูกของผู้เสียหายอยู่ตามปกติ แต่หลังจากนั้นก็มีพฤติกรรมด่าทอ และสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ปาข้าวของเข้ามาในบ้านของผู้เสียหายอยู่ตลอด

สิ่งที่ตนเองกังวลใจคือคู่กรณีซึ่งเป็นเพื่อนบ้านมีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างและตนเองมองว่าไม่เหมาะสมและจะเป็นอันตรายต่อผู้อื่น / นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุยังเคยบุกเข้าไปถึงโรงเรียนที่ผู้เสียหายสอนเด็กเล็กอยู่ ตนเองมองว่าไม่ปลอดภัยกับเด็กนักเรียน เพราะที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ความสูญเสียที่จังหวัดหนองบัวลำภูมาก่อนแล้ว

ทั้งนี้ตนเองจะประสานไปยังผู้กำกับการ สน.หลักสอง เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ / ในส่วนที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจตรวจสารเสพติดในร่างกายของผู้ก่อเหตุนั้น ตนเองตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วจะต้องเป็นหน้าที่ใคร